สงกรานต์ปีนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน? ฟังเสียงจากผู้ประกอบการ ประเมินสงกรานต์ปีนี้ไม่คึกคัก คนกำลังซื้อน้อย แถมต้องระมัดระวังการจับจ่าย กระทบยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค ไม่เว้นแม้แต่เหล้า-เบียร์ ยอดขายยังร่วง
นับเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จัดให้สงกรานต์ปีนี้ยาวกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในมุมของนักธุรกิจและผู้ประกอบการบางรายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สงกรานต์ปีนี้ยังไม่คึกคัก เพราะคนมีกำลังซื้อน้อย แถมยังต้องระมัดระวังการใช้จ่ายมากกว่าเดิม
กำลังซื้อยังทรุด-เทศกาลหยุดยาวไม่ช่วย!
มิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง จังหวัดอุดรธานี ฉายภาพกับ THE STANDARD WEALTH ว่า สภาวะกำลังซื้อในช่วงเทศกาลสงกรานต์อาจดูคึกคักขึ้นเล็กน้อย เพราะมีวันหยุดยาวหลายวัน แต่จริงๆ แล้วผู้บริโภคแค่ย้ายสถานที่ใช้จ่ายสินค้าซึ่งไม่แตกต่างจากช่วงปีใหม่มากนัก แม้จะเป็นช่วงสังสรรค์ แต่ประมาณแล้วว่าส่วนลูกค้าลดการซื้อของลงเหลือ 50% ถ้าเทียบกับช่วงก่อนโควิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สัญญาณเทศกาลสงกรานต์ 2567 คึกคัก ประชาชนเลือกซื้อปืนฉีดน้ำแน่นสำเพ็ง
- อาหารไทยติดอันดับ 17 ของโลก! ท็อปส์รวบรวม 1,000 สินค้าไทย เอาใจนักช้อปทั้งคนไทยและต่างชาติ เจาะเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ที่คาดสร้างเงินสะพัดกว่า 2.4 หมื่นล้าน
- ไอคอนสยามทุ่มงบจัดมหาสงกรานต์เฟสติวัลระดับโลก เนรมิตพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยายิ่งใหญ่-สาดสนุก ตลอด 10-21 เม.ย. 2567 นี้
ขณะที่ต่างจังหวัดโดยเฉพาะในภาคอีสาน สถานการณ์เศรษฐกิจกำลังซื้อจากที่แย่อยู่แล้ว ตอนนี้เราใช้คำว่าสลบเหมือด การค้าการขายเงียบหมด คนประหยัดค่าใช้จ่าย อาจเพราะเงินหายากขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับไม่มีเม็ดเงินเข้ามาเติมในระบบ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ไปซื้อร้านอยู่ใกล้บ้านแทน และเลือกซื้อเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
เครื่องดื่ม เหล้า-เบียร์ ยอดขายร่วง
ส่วนสินค้าเครื่องดื่ม เหล้า เบียร์ ที่เป็นช่วงหน้าขายยอดขายก็ยังตก บางร้านก็ต้องแบกสต็อกไป แต่ข้อจำกัดของเบียร์ที่เก็บได้ประมาณ 3-4 เดือน ร้านก็ต้องหาวิธีระบายสินค้าออกไปให้ได้ รวมถึงสินค้ากลุ่มขนมและสินค้าคอนซูเมอร์ก็เหมือนกัน
ในภาวะเช่นนี้เป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการร้านค้ากำลังเผชิญอยู่ และต้องพยายามบริหารสต็อกสินค้า กระแสเงินสด และบางร้านต้องขอให้ซัพพลายเออร์ผ่อนปรนหรือยืดเครดิตเทอมการชำระหนี้ จากปกติส่วนใหญ่จะมีระยะเวลา 30 วัน
เสียงสะท้อนถึงรัฐบาล-นโยบายไม่ชัด ช้าไปหมด
สำหรับร้านตั้งงี่สุ่นและร้านในเครือข่าย ยอดขายร่วงมาสักระยะแล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้พยายามจัดโปรโมชันแรง ซื้อ 1 แถม 1 ที่ยังพอช่วยดึงลูกค้าได้บ้าง ซึ่งคาดว่ากำลังซื้อจะซึมยาวถึงไตรมาส 3 แต่ถ้ามีเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทออกมาในไตรมาส 4 ก็อาจช่วยกระตุ้นการจับจ่ายให้ฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้าง
“ทั้งหมดเป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจไม่มีท่าทีดีขึ้น และนโยบายรัฐก็ยังไม่เปลี่ยน แปลง คำถามคือตอนนี้รัฐบาลทำอะไรอยู่ เพราะถ้าย้อนดูที่นายกฯ แถลงข่าวบอกให้เชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะดีขึ้น จะดีขึ้นตอนไหน เพราะที่เห็นตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน ส่วนตัวมองว่าถ้ารัฐบาลจะเน้นท่องเที่ยวก็ต้องโปรโมตให้เต็มที่ไปเลย เอาสักทาง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างช้าไปหมด” มิลินทร์ย้ำ
จับตาสินค้าปรับขึ้นราคาอีกระลอก
สมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า กำลังซื้อในช่วงไตรมาส 1 รวมถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ไม่คึกคักแน่นอน แม้ว่าจะหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน แต่รายได้ของคนระดับล่างและกลางเท่าเดิม ขณะที่ต้นทุนในการดำเนินชีวิตแพงขึ้น
โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่น่าเป็นห่วง ที่ผ่านมาชักหน้าไม่ถึงหลังกันเยอะ แน่นอนว่าทั้งหมดมีผลกระทบต่อยอดขายของร้านโชห่วยลดลง 20-30% จากเดิมแล้วในช่วงเดือนเมษายน ยอดขายเหล้า-เบียร์จะเติบโตขึ้น แต่ในปีนี้ไม่หวือหวาเหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจับตามองคือราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร จะส่งผลต่อต้นทุนการขนส่ง และสินค้าปรับขึ้นราคาอีกระลอก
เตรียมตั้งรับเอฟเฟ็กต์หลังสงกรานต์
มารุต ชุ่มขุนทด ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง CLASS CAFÉ กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า จากการตั้งข้อสังเกตตอนนี้ทราฟฟิกคนเข้าร้านกาแฟมีค่อนข้างมาก หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าทุกคนเข้ามาหลบร้อน แต่สวนทางกับยอดขายสินค้าต่อบิลที่ลดลง ซึ่งต้องรอประเมินอีกที
แต่จากเดิมแล้วธุรกิจร้านกาแฟจะได้รับผลกระทบหลังเทศกาล ไม่ว่าจะปีใหม่หรือสงกรานต์ เพราะผู้คนใช้เงินไปหมดไปกับเทศกาลแล้ว เราจึงประเมินไปถึงหลังเทศกาลสงกรานต์ว่ากำลังซื้อน่าจะซึมหนัก จึงเตรียมโปรโมชันคุ้มค่าคุ้มราคาไว้รอ เพราะยังพอช่วยดึงลูกค้าได้บ้าง
เจ้าของร้าน CLASS CAFÉ ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ร้านค้าปลีกค้าส่งในต่างๆ จังหวัดก็เริ่มสต็อกสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้จำนวนมาก ตั้งใจจะสร้างยอดขายในช่วงเทศกาล ส่วนบรรยากาศฝั่งห้างสรรพสินค้าก็คึกคักมากเช่นกัน ด้วยสภาพอากาศทำให้คนเข้าไปเดินหลบร้อน ซึ่งมองว่าการจับจ่ายก็ยังมีบ้างแต่ไม่มาก เพราะคนโดยเฉพาะในตลาดจังหวัดระมัดระวังการจ่ายใช้จ่ายมาก
ร้านค้าเริ่มขอยืดเครดิตเทอม
วิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP ฉายภาพกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ปัญหากำลังซื้อโดยหลักเลย งบประมาณเพิ่งผ่านวาระมา เม็ดเงินยังไม่มีในระบบ เพราะฉะนั้นคนที่มีกำลังซื้ออยู่ตอนนี้คือกลุ่มบน แต่ก็ยังไม่จับจ่ายมากนัก เพราะเริ่มเอาเงินไปลงทุนมากกว่า
ในวงจรธุรกิจตอนนี้ พอลูกค้าไม่มีการจับจ่ายและหันไปซื้อของในออนไลน์มากขึ้น สะท้อนได้ว่าเม็ดเงินส่วนหนึ่งไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่กองทุน บอนด์ เงินไหลออกหมด
วิโรจน์ยังเล่าต่อไปว่า อีกกลุ่มที่มีกำลังซื้อเยอะ คือกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป เห็นได้จากยอดขายของแบรนด์เจเล่ฟิตต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าพรีเมียม ขายดีเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้จนผลิตไม่ทัน
ทำให้เห็นได้ชัดว่าสินค้าหมวดพรีเมียมไม่มีปัญหา ยังขายได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยว แต่จังหวัดเมืองรองเงียบมาก แม้ภาครัฐพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง แต่มองว่าค่อนข้างยาก เพราะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อคงเลือกไปเที่ยวจังหวัดที่มีอีเวนต์ใหญ่ๆ มากกว่าที่จะไปเที่ยวเมืองรอง
“ดังนั้นจากนี้การขายสินค้าต้องระวังมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด ยอดขายเมืองรองตกหมด บางร้านค้าจากที่เคยสต็อก 1,200 ลัง อาจลดเหลือ 1,000 ลัง และร้านค้าบางรายทำหนังสือมาขอยืดเครดิตเทอมเพิ่มเป็น 60 วัน จากเดิมที่ให้อยู่ 30 วัน ซึ่งบริษัทก็พยายามไม่ปล่อยสินค้าแล้วถ้าไม่จำเป็น แต่ฝั่งโมเดิร์นเทรดไม่มีปัญหา”