×

ร้านอาหารหลายเครือในสิงคโปร์บังคับรวมกลุ่มกินในร้านไม่เกิน 2 คน ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ เข้มกว่ามาตรการรัฐที่ยกระดับหลังเกิดคลัสเตอร์โควิดจากเลานจ์

20.07.2021
  • LOADING...
ร้านอาหารในสิงคโปร์

สำนักข่าว CNA ของสิงคโปร์รายงานว่า ร้านอาหารและเครื่องดื่มหลายร้านในสิงคโปร์ตัดสินใจจำกัดจำนวนลูกค้าที่มารับประทานอาหารและเครื่องดื่มในร้านให้อยู่ที่ไม่เกิน 2 คนต่อกลุ่ม โดยไม่คำนึงว่าลูกค้าจะเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ แม้ตามกฎล่าสุดที่มีการปรับมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้นจะยังอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว ผู้ที่เพิ่งหายจากโควิด และผู้ที่มีผลตรวจเป็นลบสามารถรวมกลุ่มกันรับประทานอาหารและเครื่องดื่มในสถานประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มได้มากที่สุด 5 คนก็ตาม

 

ตัวอย่างของร้านอาหารและเครื่องดื่มในกลุ่มนี้ เช่น McDonald’s, Burger King, KFC, Subway, Long John Silver’s, Toast Box, Carl’s Jr., Nando’s, Arnolds Fried Chicken และ The Coffee Bean & Tea Leaf ซึ่งหลายร้านอาหารมีการระบุผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่าการตัดสินใจของพวกเขามีขึ้นเพื่อปกป้องสุขภาพ ตลอดจนความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้า

 

โดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ประกาศว่าผู้ที่ยังได้รับวัคซีนโควิดไม่ครบสองเข็มและยังไม่มีผลตรวจโควิด สามารถกลับไปรับประทานอาหารที่ร้านได้เฉพาะแบบนั่งเดี่ยวหรือไม่เกินสองคนเท่านั้น โดยมีผลตั้งแต่วานนี้ (19 กรกฎาคม) ถึงวันที่ 8 สิงหาคม ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วสามารถนั่งรับประทานอาหารแบบรวมกลุ่มได้ไม่เกิน 5 คนต่อไป สำหรับผู้ที่มีผลตรวจโควิดเป็นลบในระยะเวลาที่กำหนด หรือผู้ที่เพิ่งหายจากโควิดมาภายใน 270 วัน สามารถร่วมรับประทานอาหารเป็นกลุ่มไม่เกิน 5 คนต่อไปได้เช่นกัน นับเป็นการถอยจากที่ก่อนหน้านี้สิงคโปร์เพิ่งประกาศอนุญาตให้ทุกคนรับประทานอาหารในสถานประกอบกิจการอาหารและเครื่องดื่มได้ไม่เกิน 5 คนได้ไม่นานนัก

 

ทางกระทรวงระบุผ่านแถลงการณ์ว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วสามารถรับประทานเป็นกลุ่มไม่เกิน 5 คนในสถานประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีระบบตรวจสอบสถานภาพของบุคคลได้ต่อไป เพราะบุคคลกลุ่มนี้มีการป้องกันต่อการติดเชื้อและการเจ็บป่วยรุนแรงที่ดี และมีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้อื่นติดเชื้อน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ยังไม่ได้วัคซีน ด้านสำนักข่าว CNA รายงานว่ามาตรการเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อเกิดคลัสเตอร์การระบาดขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกับเลานจ์และคลับหลายแห่ง ที่ถูกเรียกกันในชื่อ ‘KTV Cluster’ ในเวลาไล่เลี่ยกับช่วงที่สิงคโปร์อนุญาตให้กลับมารับประทานอาหารในร้านได้แบบไม่จำกัดสถานะการรับวัคซีนใดๆ

 

ทั้งนี้ ทางกระทรวงยังระบุด้วยว่า บุคคลจะถูกพิจารณาว่าได้รับวัคซีนครบแล้วก็ต่อเมื่อพวกเขาได้รับวัคซีนของ Moderna หรือ Pfizer-BioNTech (รวมถึงวัคซีนตัวเดียวกันกับ Pfizer-BioNTech ภายใต้ชื่อ Comirnaty) ครบสองเข็มมาเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว

 

ส่วนกรณีของเด็กอายุ 12 ปีหรือต่ำกว่านั้น สมาชิกภายในครัวเรือนเดียวกันสามารถไปรับประทานอาหารในร้านด้วยกันกับเด็กกลุ่มดังกล่าวที่ยังไม่ได้รับวัคซีนได้ โดยเด็กเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องรับการตรวจหาเชื้อก่อน แต่จำนวนเด็กต้องไม่เกิน 4 คน และจำนวนของบุคคลรวมในกลุ่มต้องไม่เกิน 5 คน และหากบุคคลทั้งหมดในกลุ่มไม่ได้มาจากครัวเรือนเดียวกัน จำนวนของเด็กต้องไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ร่วมรับประทานอาหารนอกบ้านทั้งหมดในกลุ่มนั้น ทั้งนี้ ทางกระทรวงชี้ว่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปียังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับวัคซีนโควิดตามโครงการฉีดวัคซีนระดับชาติของสิงคโปร์ในขณะนี้ และยังยากกว่าที่จะตรวจโควิดแบบ Swab ให้กับเด็กเหล่านี้ด้วย

 

หากยกตัวอย่างการใช้กฎนี้ตามสถานการณ์จริงที่อาจเป็นไปได้ก็เช่น สมมติว่า กลุ่มผู้เดินทางมารับประทานในร้านด้วยกันมีเพียงสองคน ไม่ว่าสองคนนี้จะมีสถานะทางด้านวัคซีนเป็นอย่างไรก็สามารถรับประทานในร้านได้ แต่หากกลุ่มดังกล่าวมี 5 คน ในจำนวนนี้มีสองคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือยังได้วัคซีนไม่ครบสองเข็ม และไม่ได้เป็นผู้ที่เพิ่งหายจากโควิดในระยะ 270 วัน หรือเป็นผู้ที่มีผลการตรวจเชื้อเป็นลบ การรับประทานรวมกันในร้านของกลุ่มนี้ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ แต่หากผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเป็นผู้ที่เพิ่งหายจากโควิดในระยะ 270 วัน หรือเป็นผู้ที่มีผลการตรวจเชื้อเป็นลบ ก็สามารถรับประทานร่วมกันทั้ง 5 คนได้

 

หรือตัวอย่างสถานการณ์กรณีที่มีเด็ก (ซึ่งเด็กทั้งหมดในที่นี้ยังไม่เข้าข่ายที่จะได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ของสิงคโปร์) สมมติว่ามีผู้ใหญ่ 1 คนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว พาเด็ก 4 คนที่ทั้งหมดอยู่ในครัวเรือนเดียวกันมารับประทานอาหารร่วมกัน กรณีนี้สามารถรับประทานร่วมกันในร้านได้ แต่ในกรณีที่บุคคลเหล่านี้มาจากต่างครัวเรือนกัน ย่อมนั่งรับประทานอาหารในร้านไม่ได้ เพราะจำนวนเด็กมีเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนบุคคลที่มาด้วยกันทั้งกลุ่ม ทว่า หากเปลี่ยนจำนวนผู้ใหญ่และเด็กอยู่ที่อย่างละ 2 คนเท่ากัน แม้บุคคลในกลุ่มจะมาจากต่างครัวเรือนก็รับประทานในร้านได้ เพราะเด็กมีจำนวนไม่เกินกึ่งหนึ่งของบุคคลทั้งกลุ่ม ส่วนกรณีเด็กมาด้วยกัน 5 คน ไม่ว่าจะครัวเรือนเดียวกันหรือไม่ ก็ไม่สามารถรับประทานในร้านได้ เพราะถือว่ามีความเสี่ยงแบบเดียวกับผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนแล้วมารับประทานอาหารด้วยกัน 5 คน

 

ด้านรัฐมนตรีคลังของสิงคโปร์ ลอว์เรนซ์ หว่อง กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า การรวมกลุ่มรับประทานอาหารได้ 5 คนนั้นจะได้รับอนุญาตในสถานจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่มีการบังคับใช้ระบบดิจิทัลเช็กอินระดับชาติ (SafeEntry) เท่านั้น ซึ่งสถานที่เหล่านี้จะสามารถตรวจสอบสถานะการได้รับวัคซีนของลูกค้าได้

 

อย่างไรก็ตาม สถานประกอบการอาหารและเครื่องดื่มมีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจที่จะใช้มาตรการตามการจำแนกสถานะการฉีดวัคซีนนี้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบการประกอบการ และความสามารถในการตรวจสอบสถานะการฉีดวัคซีนของลูกค้า

 

และกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์บอกข้อยกเว้นไว้ว่า สำหรับศูนย์อาหารประเภท Hawker Center, ฟู้ดคอร์ต และร้านกาแฟ จำเป็นต้องคงการจำกัดจำนวนการนั่งรับประทานเป็นกลุ่มไว้สูงสุดไม่เกิน 2 คน ไม่ว่าจะมีสถานะในเรื่องโควิดแบบใดก็ตาม เนื่องจากเป็นสถานที่ที่คนเข้า-ออกได้ง่ายกว่า และโดยทั่วไปจะไม่มีการบังคับใช้ระบบ SafeEntry ในการเช็กอิน ทางกระทรวงระบุด้วยว่า การตรวจสอบสถานะของบุคคลก่อนที่พวกเขาจะนั่งลงที่โต๊ะในสถานที่ถือเป็นเรื่องยากมาก

 

ส่วนกิจกรรมความบันเทิง เช่น การแสดงสด การเปิดเพลง และการฉายวิดีโอหรือภาพจากโทรทัศน์ ยังคงจะไม่ได้รับอนุญาตในสถานจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต่อไป เพราะการรับประทานอาหารในร้านยังคงเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ผู้คนจำนวนมากจะถอดหน้ากากและอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยบรรดาลูกค้าจะถูกย้ำเตือนให้ปฏิบัติตามมาตรการการจัดการที่ปลอดภัยทั้งหมด และสวมหน้ากากตลอดเวลา ยกเว้นเมื่อรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม

 

ภาพ: Suhaimi Abdullah / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising