ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดเผยวานนี้ (9 มิถุนายน) ว่า รัสเซียจะเริ่มติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีในเบลารุส หลังจากที่เตรียมโรงเก็บอาวุธนิวเคลียร์เสร็จเรียบร้อยในวันที่ 7-8 กรกฎาคมนี้ ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนย้ายอาวุธดังกล่าวออกนอกเขตแดนของรัสเซียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม ปูตินประกาศว่ารัสเซียได้บรรลุข้อตกลงในการติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีในดินแดนของเบลารุส พร้อมกล่าวด้วยว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะสหรัฐอเมริกาเองก็มีการติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีในประเทศยุโรปช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ในระหว่างการพบปะกันของปูตินและ อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส ณ เมืองโซชีของรัสเซียวานนี้ ปูตินกล่าวว่า “ทุกๆ อย่างกำลังเป็นไปตามแผน”
“การเตรียมการด้านโรงเก็บอาวุธจะสิ้นสุดลงในวันที่ 7-8 กรกฎาคม และหลังจากนั้นเราจะเริ่มกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งอาวุธประเภทที่เหมาะสมในดินแดนของคุณทันที” ปูตินกล่าว
เป็นเวลากว่า 15 เดือนแล้วที่สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อ โดยปูตินกล่าวโจมตีว่า สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรตะวันตกได้อัดฉีดอาวุธต่างๆ ให้กับยูเครน เพราะหวังที่จะทำสงครามตัวแทนเพื่อทำให้รัสเซียยอมสยบต่ออำนาจของตน และรัสเซียก็จะไม่ยอมถอยอย่างเด็ดขาด
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ก็กล่าวเช่นกันว่า ยูเครนจะไม่หยุดการสู้รบจนกว่าทหารรัสเซียคนสุดท้ายจะยอมถอยออกจากดินแดนของยูเครน และต้องการที่จะพายูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO โดยเร็วที่สุด
อนึ่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สหรัฐฯ และชาติพันธมิตร NATO ต่างจับตาดูความเคลื่อนไหวด้านการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียอย่างใกล้ชิด รวมถึงจีน หนึ่งในพันธมิตรหลักของรัสเซีย ซึ่งพยายามกล่าวเตือนอยู่หลายครั้งว่าไม่ควรใช้อาวุธนิวเคลียร์มาแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
ภาพ: GAVRIIL GRIGOROV / SPUTNIK / AFP
อ้างอิง: