Photo: WTN/AFP
ปี 2017 เป็นปีแห่งการครบรอบ 20 ปี วันสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานา (Princess Diana of Wales) อดีตว่าที่ราชินีลำดับที่ 1 แห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพอังกฤษ ในโอกาสนี้ เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ (Prince William Duke of Cambridge) และเจ้าชายแฮร์รีแห่งเวลส์ (Prince Harry of Wales) พระราชโอรสทั้งสองพระองค์ในเจ้าหญิงไดอานา ต่างทรงเปิดพระทัยและทรงถ่ายทอดเรื่องราวของพระมารดาในความทรงจำให้พสกนิกรและสาธารณชนรับรู้
แม่เคยพูดกับเราว่า รู้ไหมว่าหนูสามารถซุกซนได้เท่าที่ต้องการ ขอแค่อย่ากักขังและเหนี่ยวรั้งมันไว้
Photo: Justin TALLIS/AFP
การตัดสินพระทัยเปิดใจครั้งสำคัญของเจ้าชายทั้งสองพระองค์
ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่เจ้าหญิงไดอานาทรงจากพระโอรสทั้งสองไปอย่างไม่มีวันกลับ ขณะนั้นเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รีทรงมีพระชันษาเพียง 15 พรรษา และ 12 พรรษา ตามลำดับ การสูญเสียพระมารดาในครั้งนั้นนับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ราวกับโลกทั้งใบของทั้งสองพระองค์แทบจะเลือนหายไป
Photo: OLI SCARFF/AFP
เจ้าชายวิลเลียมตรัสว่า “เวลาผ่านไปแล้วถึง 20 ปี แฮร์รีและเราต่างคิดว่า มันถึงเวลาแล้วที่เราจะเปิดใจถึงเรื่องราวของแม่”
เจ้าชายทั้งสองพระองค์ประทานสัมภาษณ์ในสารคดีชื่อ ไดอานา แม่ของพวกเรา: ชีวิตและมรดกที่หลงเหลืออยู่ของเธอ (Diana, Our Mother: Her Life and Legacy) ความยาว 90 นาที ซึ่งออกอากาศทางโทรทัศน์ช่อง ITV ของสหราชอาณาจักร เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
บางส่วนของสารคดี Diana, Our Mother: Her Life and Legacy
เจ้าชายแฮร์รีตรัสเสริมอีกว่า “นี่คือครั้งแรกและจะเป็นครั้งเดียวที่เราทั้งคู่ต่างเปิดใจพูดคุยเรื่องแม่ของพวกเรา” นอกจากนี้ยังเผยว่า พระองค์ต้องจัดการกับความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจต่อการจากไปของพระมารดาเป็นเวลานานหลายปีเลยทีเดียว
Photo: GERRY PENNY, MARTIN HAYHOW/AFP
ในปี 2007 ทั้งสองพระองค์เคยร่วมแสดงในคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อร่วมรำลึกและไว้อาลัยต่อการจากไปของเจ้าหญิงไดอานา ที่เวมบลีย์ สเตเดียม แต่ในปีนี้ทั้งสองพระองค์เลือกที่จะทรงเปิดพระทัยถ่ายทอดเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอานาในฐานะพระมารดา การอุทิศตนของพระองค์ รวมถึงด้านอื่นๆ ในช่วงก่อนที่เจ้าหญิงไดอานาจะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนสิ้นพระชนม์ ณ กรุงปารีส ในปี 1997 รวมถึงพระราชปณิธานที่ถูกสานต่อ
Photo: GEOFF PUGH/AFP
เจ้าชายแฮร์รีทรงเผยถึงความรู้สึกเศร้าใจที่จะต้องเดินตามโลงพระศพของพระมารดาไปยังสุสานของพระองค์กับนิตยสาร Newsweek ว่า “เราไม่คิดว่าจะมีเด็กคนไหนที่ถูกขอให้ทำสิ่งนี้ ภายใต้สถานการณ์นั้น เราไม่คิดว่าเหตุการณ์อย่างนั้นจะเกิดขึ้น ความรู้สึกเศร้ายังติดอยู่ในใจเราตลอดมา”
Photo: STR/AFP
แพทริก เจฟสัน อดีตราชเลขาส่วนพระองค์ในเจ้าหญิงไดอานา เผยว่า “มีช่วงเวลาที่ยากลำบากหลังจากที่เจ้าหญิงไดอานาสิ้นพระชนม์ เพราะราชวงศ์ไม่ทราบวิธีที่จะจัดการกับความทรงจำที่มีต่อเจ้าหญิงไดอานา”
Photo: JAMAL A. WILSON/AFP
Photo: KRAIPIT PHANVUT/AFP
Photo: Yoshikazu TSUNO, Terry LEUNG/AFP
แพทริกยังเผยอีกว่า “เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ชื่อของเจ้าหญิงไดอานาไม่สามารถถูกกล่าวถึงได้ในราชวงศ์อังกฤษ” พสกนิกรส่วนใหญ่จึงไม่พอใจราชวงศ์อังกฤษเป็นอย่างมากที่ทางราชวงศ์ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ต่อการจากไปของเจ้าหญิงอันเป็นที่รักของปวงชนพระองค์นี้
“ดังนั้นการพูดถึงเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอานาในพื้นที่สาธารณะจึงค่อนข้างจะเป็นการละเมิดกฎระเบียบของราชวงศ์ จนกระทั่งพระโอรสทั้งสองพระองค์ต่างยินดีเปิดใจและตรัสว่า เรื่องราวของพระมารดามีสิ่งดีๆ มากมายที่ควรค่าแก่การจดจำ มาร่วมรำลึกถึงเธอผู้เป็นที่รักของพวกเรากันเถอะ”
Photo: Jean-Pierre MULLER/AFP
ภาพของแม่ในความทรงจำ
ความทรงจำที่ประทับใจที่สุดเกี่ยวกับแม่ เจ้าชายวิลเลียมตรัสว่า “เรามักจะได้ยินเสียงหัวเราะของแม่อยู่ในหัวเสมอๆ มันเป็นเสียงหัวเราะของความสุขอันบริสุทธิ์ที่อยู่บนใบหน้าของแม่ แม่เคยพูดกับเราว่า รู้ไหมว่าหนูสามารถซุกซนได้เท่าที่ต้องการ ขอแค่อย่ากักขังและเหนี่ยวรั้งมันไว้”
เจ้าชายวิลเลียมยังเผยอีกว่า เจ้าหญิงไดอานาเคยเชิญนางแบบสาว 3 คน ซึ่งได้แก่ ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด, นาโอมิ แคมป์เบลล์ และคริสตี้ เทอร์ลิงตัน ที่มีภาพติดอยู่ในห้องนอนของพระองค์มาที่บ้าน เพื่อเซอร์ไพรส์พระองค์หลังเสด็จฯ กลับจากโรงเรียน
“ตอนนั้นเราอายุประมาณ 12-13 ปี เราไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ มันรู้สึกประหม่าไปหมด นี่คือความทรงจำที่เราประทับใจเกี่ยวกับแม่ ความทรงจำแสนสนุกที่อบอวลไปด้วยความรัก คอยสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับเราตลอดเวลาที่นึกถึงนี้ จะอยู่กับเราไปตลอดกาล”
Photo: JOHNNY EGGITT/AFP
การพูดโทรศัพท์กับแม่ครั้งสุดท้าย ทั้งสองพระองค์ตรัสว่า การโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายเป็นช่วงที่ทั้งสองพระองค์ไม่ได้พบเจอพระมารดาเป็นเวลาหลายอาทิตย์ และพระองค์ก็ต่างกำลังเอาจริงเอาจังกับการเล่นเกมกับพระสหาย โดยไม่ได้มีเวลาที่จะคุยกับพระมารดาที่ต่อสายโทรศัพท์ทางไกลมาจากกรุงปารีสเลย
“แฮร์รีและเรารู้สึกเสียใจกับการกล่าวลาแม่ในครั้งนั้น ถ้าเรารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับแม่ เราจะไม่มีทางวางสายแล้วสนใจสิ่งอื่นมากกว่าเด็ดขาด การคุยโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายระหว่างพวกเราและแม่ในครั้งนั้นยังติดอยู่ในความคิดของเรา”
กอดอุ่นๆ ของแม่ เจ้าชายแฮร์รีทรงเผยว่า “แม่จะโอบกอดเราให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราไม่มีทางหนีได้เลย เราจะอยู่ในอ้อมกอดของแม่ตราบเท่าที่แม่ยังไม่ปล่อยมือ แม้กระทั่งในช่วงเวลาขณะนี้ เรายังรู้สึกถึงกอดของแม่ตอนนั้นได้ดี กอดที่แม่เคยให้กับพวกเรา เราคิดถึงสิ่งนั้น เราคิดถึงความรู้สึกนั้น เราคิดถึงการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เราคิดถึงแม่”
Photo: ALLAN LEWIS/AFP
โชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดเป็นลูกของแม่ เจ้าชายวิลเลียมยังทรงเล่าอีกว่า “การสูญเสียคนที่ใกล้ชิดกับคุณคือความทุกข์ทรมานที่สุด โดยเฉพาะในช่วงอายุเท่านั้น ไม่มีวันไหนเลยที่เราจะไม่คิดถึงแม่ เราอยากจะขอบคุณที่เราโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดเป็นลูกของแม่ และมีโอกาสได้อยู่กับแม่ตลอดช่วงเวลา 15 ปี แม่ดูเเลเลี้ยงดูพวกเราเป็นอย่างดี แม่ให้เครื่องมือและเตรียมความพร้อมในการใช้ชีวิตแก่พวกเราในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
เล่าเรื่องของแม่ให้ลูกๆ ฟัง เจ้าชายวิลเลียมทรงเล่าเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอานาให้แก่พระโอรสและพระธิดาของพระองค์ฟัง และยังทรงเผยว่า “ภายในบ้านเรามีรูปของแม่อยู่เต็มไปหมด บ่อยครั้งที่เราเล่าเรื่องราวของคุณย่าให้เด็กๆ ฟัง แต่จะยากหน่อย เพราะแคเธอรีนไม่ได้มีความทรงจำในช่วงเวลานั้น เราเลยอาสาเป็นคนถ่ายทอดเรื่องราวให้ลูกๆ ฟัง มันเป็นเรื่องราวน่ายินดีที่เด็กๆ รู้ว่าเธอเป็นใครและเธอมีอยู่จริง บางทีเเม่อาจจะกำลังวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยก็เป็นได้ (หัวเราะ)”
แม่ที่ดีที่สุดของเรา เจ้าชายแฮร์รีตรัสถึงพระมารดาในช่วงท้ายๆ ว่า “เธอเป็นแม่ของพวกเรา และจะยังคงเป็นแม่ของพวกเราตลอดไป เราในฐานะลูก อยากจะบอกว่า แม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลกของพวกเราเสมอ และไม่มีวันไหนที่เราและวิลเลียมจะไม่คิดถึงแม่ เราไม่ได้หวังให้แม่ยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ แต่เราเพียงสงสัยว่าแม่จะเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ แม่จะได้ทำในสิ่งใหม่ๆ ที่แม่ต้องการจะทำไหม ถ้าหากแม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่จะกำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้… เราคิดถึงแม่”
Photo: POOL/AFP
ปณิธานของแม่ที่ถูกสานต่อ
เจ้าชายทั้งสองพระองค์ต่างมีความประสงค์จะจัดสร้างรูปปั้นของเจ้าหญิงไดอานา ก่อนที่จะนำไปจัดตั้งที่พระราชวังเคนซิงตัน ที่พักของราชวงศ์ รวมถึงเป็นสถานที่ที่เจ้าหญิงไดอานาใช้เป็นที่ประทับเมื่อครั้งที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2017 พระโอรสทั้งสองพระองค์ต่างร่วมกันเฉลิมฉลองงานวันคล้ายวันพระราชสมภพปีที่ 56 ของเจ้าหญิงไดอานา ร่วมกับพสกนิกรของพระองค์ทุกภาคส่วน
ในทศวรรษ 1980 เจ้าหญิงไดอานาทรงให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS) เป็นอย่างมาก พระองค์เสด็จฯ เยี่ยมเยียนผู้ป่วยโรคเอดส์อย่างใกล้ชิด โดยไม่มีทีท่าจะรังเกียจเดียดฉันท์ประชาชนของพระองค์แม้แต่น้อย ภาพที่ทรงใกล้ชิดกับผู้ป่วยนี้ทำให้พระองค์กลายเป็นที่รักของคนทุกคน กลายเป็น ‘นางฟ้าเดินดินที่มีอยู่จริง’ และช่วยลบภาพจำผิดๆ เกี่ยวกับโรคเอดส์อีกด้วย
อีกทั้งพระองค์ยังเคยเสด็จฯ เยือนแองโกลา เพื่อสนับสนุนและผลักดันการเลิกใช้ทุ่นระเบิด ก่อนจะประสบผลสำเร็จกลายเป็น ‘สนธิสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิด’ (Landmine Ban Treaty 1997) อีกด้วย
Photo: ADAM BUTLER/AFP
ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา พระราชปณิธานของเจ้าหญิงไดอานาถูกสานต่อโดยเจ้าชายทั้งสองพระองค์อย่างเต็มกำลังเสมอมา เจ้าชายแฮร์รีทรงสืบสานเจตนารมณ์ของพระมารดาโดยการอุปถัมภ์งานทดลองและพัฒนายาด้านเอดส์ รวมถึงต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจัง ในขณะที่เจ้าชายวิลเลียมเดินหน้าสร้างที่พักให้แก่คนไร้บ้าน และอุปถัมภ์เด็กกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวตลอดมา และทั้งสองพระองค์ยังทรงงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตร่วมกันอีกด้วย
เราเชื่อว่าไม่เพียงแต่เจ้าชายสองพระองค์นี้ที่คิดถึงเจ้าหญิงไดอานา แต่ยังรวมถึงสาธารณชนทั่วไปอีกจำนวนมากที่ยังคงมีภาพจำของเจ้าหญิงที่มีพระสิริโฉมงดงาม และทรงเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม และเชื่อว่าเราจะยังคงสามารถเห็นภาพของเจ้าหญิงไดอานาผ่านพระโอรสและพระราชกรณียกิจนานัปการที่ทั้งสองพระองค์สานต่อสิ่งที่พระมารดาทำ
Photo: THOMAS COEX/AFP
วันที่ 31 สิงหาคมนี้จะครบรอบ 20 ปี การจากไปของเจ้าหญิงไดอานาอย่างเป็นทางการ THE STANDARD จึงอยากจะชวนคุณมาติดแฮชแท็ก #PrincessDianaInMyMind ในสเตตัสของคุณ เพื่อร่วมรำลึกถึงพระองค์ไปพร้อมๆ กันกับเรา
อ้างอิง:
