×

พล.อ. ประวิตร ประธานประชุม กนช. ไฟเขียวสร้างแหล่งน้ำ 3 โครงการ เพิ่มความมั่นคงน้ำอีอีซี-โคราช

โดย THE STANDARD TEAM
29.09.2020
  • LOADING...

วานนี้ (28 กันยายน) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 3/2563 ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ เป็นต้น ว่าการประชุม กนช. เพื่อรับทราบผลการบูรณาการหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาด้านน้ำ การเตรียมการรองรับฤดูฝน รวมทั้งการพิจารณากรอบแผนงาน โครงการสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมของหน่วยงานที่จะเสนอขอตั้งงบประมาณในปี 2565 โดยมีมติเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ 

 

  1. โครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จังหวัดระยอง ของกรมชลประทาน 
  2. โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง จังหวัดเชียงราย ของกรมชลประทาน
  3. โครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า จากแหล่งน้ำลำตะคองมายังโรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า จังหวัดนครราชสีมา ของเทศบาลนครนครราชสีมา 

 

นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อกำหนดขอบเขต บทบาท ภารกิจ หน้าที่ และอำนาจของหน่วยงานด้านการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศ หลักเกณฑ์การมอบหมายคณะกรรมการลุ่มน้ำปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการลุ่มน้ำประจำลุ่มน้ำตามมาตรา 27 ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์ ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง ให้เป็นพื้นที่ชะลอและรองรับน้ำหลากในช่วงฤดูฝน และสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ในฤดูแล้ง โดยเร่งดำเนินการใน 3 แห่งนำร่อง ได้แก่ บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์, บึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร, หนองหาร จังหวัดสกลนคร และคลองแสนแสบ กรุงเทพมหานคร 

 

สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จังหวัดระยอง เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำภายในแผนพัฒนารองรับเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สามารถกักเก็บน้ำได้ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เมื่อแล้วเสร็จ สามารถขยายพื้นที่ชลประทานได้ 30,000 ไร่ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการอุปโภค-บริโภคและการเกษตรในเขต อำเภอเขาชะเมา ช่วยบรรเทาอุทกภัยในช่วงฤดูน้ำหลากในเขตอำเภอแกลง และเป็นแหล่งน้ำสำรองสนับสนุนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2565-2567 งบประมาณทั้งสิ้น 3,551 ล้านบาท 

 

ส่วนโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง จังหวัดเชียงราย เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และช่วยชะลอการไหลของน้ำในฤดูน้ำหลาก บรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลป่าแดด อำเภอแม่สรวย เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถกักเก็บน้ำได้ 32 ล้านล้านลูกบาศก์เมตร ส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรได้ 17,200 ไร่ และส่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคของราษฎรได้ 4,775 ครัวเรือน ระยะเวลาดำเนินงาน 4 ปี ตั้งแต่ปี 2565-2368 งบประมาณทั้งสิ้น 1,325 ล้านบาท

 

โครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า จังหวัดนครราชสีมา เป็นโครงการก่อสร้างและปรับปรุงระบบประปาทดแทนระบบเดิมที่เสื่อมสภาพ เพื่อลดการสูญเสียในระบบท่อส่งน้ำ และรองรับการขยายตัวของชุมชนเมืองพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา และพื้นที่ข้างเคียงจำนวน 7 ตำบล เมื่อแล้วเสร็จจะทำให้มีปริมาณน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาเพิ่มจากเดิม 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน พื้นที่รับประโยชน์ 11 ตำบล 229,351 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ 76.70 ตารางกิโลเมตร งบประมาณทั้งสิ้น 1,047 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 ซึ่ง กนช. จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเปิดโครงการดังกล่าวต่อไป

 

ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนช. ยังได้รับทราบถึงสถานการณ์น้ำในช่วงเดือนพฤษภาคม – 21 กันยายนที่ผ่านมา ที่ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุ ทำให้มีฝนตกหนัก และมีปริมาณน้ำไหลเข้าในอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้น จากพายุซินลากู พายุฮีโกส อิทธิพลจากร่องมรสุม และล่าสุดพายุโนอึล รวมแล้วเกือบ 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ถือว่ายังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอ่างขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำน้อยกว่าปี 2558  ที่มีน้ำในอ่างฯ น้อยที่สุด และยังน้อยกว่าปีที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินปริมาณน้ำต้นทุนก่อนสิ้นฤดูฝน พร้อมเร่งทำแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้ง ปี 2563/2564 ทั้งประเทศ ให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนตุลาคมนี้ เพื่อเตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบ ก่อนให้หน่วยงานปฏิบัตินำไปใช้บริหารจัดการน้ำ กำหนดมาตรการช่วยเหลือหากเสี่ยงได้รับผลกระทบ รวมถึงให้ข้อมูลไปถึงภาคประชาชนล่วงหน้าในการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูแล้งด้วย

 

“ปัจจุบันแหล่งน้ำที่มีอยู่ทั่วประเทศทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก มีปริมาณน้ำรวมคิดเป็นร้อยละ 49 ของปริมาณการกักเก็บ โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางถึง 95 แห่งที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีปริมาณน้ำใช้การได้น้อยกว่า 30% แบ่งเป็น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 11 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 84 แห่ง ซึ่งเบื้องต้น สทนช. ได้ประสานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ประเมินน้ำต้นทุนในทุกแหล่งน้ำ ความต้องการน้ำในฤดูแล้ง ปี 2563/2564 ของทุกลุ่มน้ำ เพื่อนำไปสู่การกำหนดแผนการจัดสรรน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่พบว่าหากจะต้องสนับสนุนน้ำในการเพาะปลูกกรณีฝนทิ้งช่วงต้องมีปริมาณน้ำ 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปัจจุบันปริมาณน้ำใช้การรวมของ 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ประมาณ 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้นช่วงฤดูฝนอีกประมาณ 1 เดือนที่เหลือนี้ จึงจำเป็นต้องเร่งเก็บกักน้ำเพิ่ม และบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง และเป็นไปตามแผน” ดร.สมเกียรติ กล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising