×

๙ ศาสตรา Special! ในที่สุด เราก็มีหนังแอนิเมชันไทยที่น่าเอาใจช่วยให้ออกไปวาดลวดลายบนเวทีโลกจริงๆ แล้ว

17.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

Time index

00.43 “นี่อาจเป็นเรื่องแรก และเรื่องสุดท้าย”

04.06 งบงอกเกือบ 8 เท่าตัว จาก 30 ล้าน สู่ 230 ล้าน

10.39 งานลงเสียงของนักแสดงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไวๆ แต่ใช้เวลากันหลายปี

15.50 ๙ ศาสตรา ก้าวเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่

19.40 เกือบจะโกฮอลลีวูด

27.14 คุณอยากเป็นตัวละครใน ๙ ศาสตรา หรือไม่ วิธีการง่ายนิดเดียว…

31.41 ตัวละครที่สวยและเซ็กซี่ที่สุดในเรื่อง (อย่างแน่นอน)

๙ ศาสตรา น่าจะเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดตอนนี้ ในอารมณ์เดียวกับที่เราเกิดความหวังกับมารีญาผู้ซึ่งถึงพร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ เป๊ะปังจนคนทั้งประเทศพากันเชียร์ เพราะในที่สุด เราก็มีของดีที่น่าจะลุ้นขึ้นจริงๆ เสียที

 

ผลตอบรับส่วนใหญ่ไปในทางบวก ชื่นชม ให้กำลังใจ ไปจนถึงประหลาดใจ (ในทางที่ดี) ซึ่งต่อให้ยังไม่ถูกใจเท่าไร ก็จะติเพื่อก่อกันดีๆ ไม่มีดราม่าด่ากราด กลับบอกกันปากต่อปากรัวๆ

 

๙ ศาสตรา หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า THE LEGEND OF MUAYTHAI: 9 SATRA มีทีมงานขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งอันที่จริงอยากเชิญมาคุยทุกคน แต่เสียดายที่สตูดิโอของเราเล็กไปหน่อย จึงขอชวน กันย์ พันธ์ุสุวรรณ มาเป็นตัวแทนพูดคุยกัน และแน่นอนว่า เมื่อเราชวนมาออก We Need To Talk ย่อมหมายความว่า ภาษาอังกฤษของเขาคล่องแคล่ว แถมเสียงยังหล่ออีกต่างหาก

 

We Need To Talk เอพิโสดพิเศษนี้ เราจึงขอถ่ายทอดในรูปแบบการสนทนากันสบายๆ ระหว่างผู้กำกับหนุ่ม และนักแสดงสาว

 


 

00.43

“นี่อาจเป็นเรื่องแรก และเรื่องสุดท้าย”

 

โบ: กันย์พูดภาษาอังกฤษดีมากเลย

 

กันย์: เราเคยอยู่รัฐเดียวกันใช่ไหม (แคลิฟอร์เนีย) ผมอยู่แอลเอมา 15 ปี แล้วตัดสินใจย้ายกลับมาเมืองไทยเพราะครอบครัวเราอยู่ที่นี่ หลังจากนั้นก็มีโอกาสทำหนังครับ

 

โบ: อะไรคือแรงบันดาลใจให้ทำแอนิเมชันคะ

 

กันย์: ตอนแรกบริษัทที่เข้ามาคุยเขาทำแอนิเมชันเป็นซีรีส์ทางทีวีอยู่แล้วครับ แต่บริษัทของเรา คือ Exformat Films อยากทำหนังใหญ่มากกว่า เพราะนี่อาจเป็นโอกาสในการทำหนังเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายของเราครับ เราคิดว่าการทำหนังแอนิเมชันจะทำให้เราสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ช่วยต่อยอดออกไปได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้า เกม หรือธีมปาร์ก อะไรแบบนั้น ถ้าหนังมันออกมาดี ความเป็นไปได้จะไม่มีที่สิ้นสุด

 

โบ: เดี๋ยวนะ สะดุดหูกับคำว่า ‘นี่อาจเป็นหนังเรื่องแรกและเรื่องสุดท้าย’ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะคะ

 

กันย์: ผมแค่คิดว่า เราควรทุ่มเทเต็มที่กับสิ่งที่เราอยากทำ เมื่อไรที่ตั้งเป้าหมาย เราควรรู้สึกว่าเราต้องทำมันให้ได้ เท่ากับที่เราต้องหายใจ เราควรต้องคิดว่า จะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว

 

โบ: เหมือนกับที่เขาพูดกันว่า ‘ให้ใช้ชีวิตเหมือนวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต’ เพื่อที่เราจะได้ไม่กลับมาเสียใจอีก

 

กันย์: ใช่เลยครับ ผมว่านั่นคือ motto ของบริษัทผมเลยนะ คือแน่นอนล่ะว่าเราอยากทำเรื่องต่อๆ ไป แต่นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเข็นเรื่องแรกนี้ไปได้ไกลแค่ไหน จะมีคนออกมาสนับสนุนเรามากน้อยแค่ไหน

 

โบ: และเท่าที่เห็นคือ ฟี้ดแบ็กดีมากนะคะ มีคนสนับสนุนกันย์เยอะมากเลย ไม่ใช่สิ มีคนสนับสนุน ‘เรา’ เยอะมากต่างหาก สำหรับคุณผู้ฟังที่ยังไม่ทราบ โบก็เป็นหนึ่งในทีมงานนะคะ นี่เป็นสิ่งที่ภูมิใจมากๆ เลย โบให้เสียง ‘เสี่ยวหลาน’ ซึ่งเป็นตัวละครหญิงตัวเดียวเลยในเรื่อง  

 

กันย์: สวยที่สุดในเรื่อง

 

โบ: ฮอตที่สุดในเรื่องค่ะ (หัวเราะ) ได้ยินแต่คนพูดว่า ‘Everywhere is a runway for เสี่ยวหลาน’ คือท่าเดินจะนางแบบมาก สะโพกดอกไม้ไหวนี่เป็นที่เลื่องลือ

 

กันย์: (หัวเราะ) การตอบรับดีมากครับ ผมอยากขอบคุณทุกคนที่สละเวลาอันมีค่ามานั่งดูหนังของเรา 2 ชั่วโมง รวมถึงฟี้ดแบ็กทางเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ด้วย พวกเราอ่านกันหมด ส่งมาได้เรื่อยๆ นะครับ

 

“I think you have to put all the effort into what you want to do. You have to have a goal, and you have to want it as much as you want to breathe…”

“เราควรทุ่มเทเต็มที่กับสิ่งที่เราอยากทำ เมื่อไรที่ตั้งเป้าหมาย เราควรรู้สึกว่าเราต้องทำมันให้ได้ เท่ากับที่เราต้องหายใจ…”

 

๙ ศาสตรา : เสี่ยวหลาน

 

04.06

งบงอกเกือบ 8 เท่าตัว จาก 30 ล้าน สู่ 230 ล้าน

 

โบ: นี่เป็นหนังเรื่องแรกของ Exformat Films และงบประมาณการสร้างก็สูงถึง 230 ล้านบาท แต่โบรู้มาว่าที่ตั้งไว้ตอนต้นคือ 30 ล้านบาทเท่านั้น มันเลยเถิดไปถึงขนาดนั้นได้ยังไงคะ

 

กันย์: พวกเราไม่ใช่คนทำหนังแต่แรกครับ เราไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ตอน Igloo Studio ซึ่งคือพี่ณัฐกับพี่เหว่ง (ณัฐ-ณัฐ ยศวัฒนานนท์ และ เหว่ง-ภูศณัฎฐ์ การุณวงศ์วัฒน์) เข้ามาทาบทามชักชวน เราเริ่มกันที่ 30 ล้านบาท แต่พอทำเสร็จ จะเอาไปขาย เราพบว่าคุณภาพของงานวิชวลยังไม่ได้มาตรฐาน สคริปต์และดนตรีประกอบก็ยังไม่ดีพอ เราเลยต้องเพิ่มทั้งกำลังคนและกำลังเทคโนโลยีเข้าไปอีกเพื่อให้มันได้มาตรฐานสากลจริงๆ กว่าจะเอาอยู่ รู้ตัวอีกทีก็ นั่นล่ะครับ 230 ล้านไปแล้ว

 

โบ: 30 ล้านแรกพาเราไปได้ไกลแค่ไหนคะ

 

กันย์: 7 นาทีเอง (หัวเราะ) เรามีเรื่องต้องเรียนรู้เยอะมาก และเราต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเจอสไตล์ที่ใช่ เรื่องสคริปต์ก็พัฒนากันนานครับ หลังจากเขียนบทกันเสร็จเราต้องจ้างคนเขียนบทจากฮอลลีวูด ไบรอัน เอ็ดเวิร์ด ฮิลล์ (Bryan Edward Hill) เพื่อมาช่วยปรับแต่งขัดเกลาให้มีความ ‘ฮอลลีวูด’ มากขึ้น ส่วนงานภาพ เราคิดว่ามันดูดีแล้วล่ะ แต่ทีนี้พี่ไก่-สุธี แสงเสรีชน ก็บอกว่า สำหรับดนตรีประกอบ เราควรต้องใช้ live orchestra นะ เพราะถ้าวิชวลมาดีขนาดนี้ แต่ใช้ดนตรีที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ มันจะฉุดคุณภาพลงมา สรุปคือเราต้องจ้างนักแต่งเพลง

 

ผมเลยนึกถึงเพื่อนสนิทคนหนึ่งคือ ไรอัน ชอร์ (Ryan Shore) เขาเป็นหลานของ Howard Shore คนทำดนตรี The Lord of the Rings ไรอันทำเพลงให้แอนิเมชันมาเยอะ เช่น สตาร์วอร์ส ทีวีซีรีส์ (Star Wars: Forces of Destiny) ผมชวนเขามาดู ๙ ศาสตรา พอดูปั๊บ เขาก็ชอบ และตกลงร่วมงานด้วยทันทีครับ ซึ่งจริงๆ ค่าตัวเขาสูงมากเลยนะ แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนกัน เขาก็ยอมลดค่าตัวให้ ซึ่งเราก็เอาส่วนต่างตรงนี้ไปทุ่มให้กับออร์เคสตรา

 

ตอนเราเดินทางไปอัดเสียงวงออร์เคสตรา 90 ชิ้นที่ประเทศมาซิโดเนีย นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เห็นภาพและเสียงทุกอย่างประกอบร่างเป็นหนึ่งเดียว มันยิ่งใหญ่มากเลยนะครับ ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นภาพยนตร์อย่างที่เราฝันอยากให้มันเป็นแล้วจริงๆ

 

โบ: โบว่ามันเป็นการใช้เงินที่คุ้มมากนะคะ (หัวเราะ) อย่างเรื่องธีม ตัวละครทุกตัวจะมีดนตรีธีมเป็นของตัวเอง การ์ตูนไทยหลายเรื่องยังไม่มีตรงนี้

 

กันย์: นอกจากอยากทำหนังออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่มันจะเป็นได้แล้ว พวกเรายังพยายามทำให้มันเป็นหนังที่ดูง่าย ย่อยง่ายที่สุด ทุกคนดูแล้วสนุกได้หมด ต้องยกความดีความชอบให้ทีมเขียนบท พี่ณัฐ ไบรอัน ฮิลล์ พี่โจ-ดารกา วงศ์ศิริ แล้วก็ พี่เอ๋-ศุภากร เหรียญสุวรรณ

 

อย่างไบรอันเขาจะช่วยดูในแง่ว่า โอเค ตรงนี้แทนที่จะเล่าเรื่องใน 5 นาที เราสามารถเล่าใน 2 นาทีได้นะ หรือยักษ์ต้องน่ากลัวกว่านี้อีก ทำแบบนี้ๆ สิ

 

ส่วนดนตรี ก็ต้องยกให้พี่ไก่ สุธี และ ไรอัน ชอร์ สร้างดนตรีธีมให้คาแรกเตอร์ทุกตัว เรื่องนี้เราไม่เคยรู้ด้วยซ้ำไปว่าตัวละครแต่ละตัวต้องมี theme music ด้วย เขาก็หาเรฟเฟอเรนซ์ให้ว่า ดูอย่าง สตาร์วอร์ส สิ ทุกครั้งที่ดาร์ธเวเดอร์ปรากฏตัว เพลงประจำตัวมาทันที อินเดียนา โจนส์ ก็เหมือนกัน จะมีเพลงประจำตัวของเขาเสมอ

 

ทีมงานใช้เวลาเยอะมากในการพัฒนาธีมของแต่ละตัว และไรอันจะช่วยดูว่า ตรงนี้เพลงต้องเศร้ากว่านี้นะ ตรงนี้ต้องฮึกเหิมกว่านี้นะ หรือตรงนี้ฟังดูจีนไป ตรงนี้ฟังดูอินเดียไป เป็นต้น

 

โบ: พี่ไก่ สุธี กับพี่ลิง (สุวรรณดี จักราวรวุธ) จะเป็นคนคุมพากย์ด้วย บอกเลยว่าพี่ๆ เขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านอะไรง่ายๆ และโบรู้สึกขอบคุณมากที่พี่เขาเข้มงวดขนาดนั้น แต่ละประโยคนี่ต้องอัดเผื่อไว้หลายเทกและหลายอารมณ์มาก เพื่อที่เขาจะได้ไปเลือกเทกที่ดีที่สุดและเหมาะที่สุด ทุกคนเป็นทีมที่เยี่ยมมาก รวมถึงแอนิเมเตอร์ทั้งหมดก็เป็นคนไทยด้วยใช่ไหมคะ

 

กันย์: ใช่ครับ ผมอยากเริ่มจากการให้เครดิตเป็นพิเศษกับนักแสดงทุกคน ที่ทุ่มเทเกินไปจากแค่งานพากษ์เสียง ไม่ว่าจะเป็นพี่โบ ไต้ฝุ่น (KPN, กนกฉัตร มรรยาทอ่อน) หรือ พี่น็อต (วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์) ทุกคนทุ่มเทมากจริงๆ

 

๙ ศาสตรา

๙ ศาสตรา

๙ ศาสตรา

 

10.39

งานลงเสียงของนักแสดงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไวๆ แต่ใช้เวลากันหลายปี

 

โบ: กันย์เล่าให้คุณผู้ฟังเห็นภาพหน่อยสิคะว่า ขั้นตอนการลงเสียงของหนังเรื่องนี้ต่างไปอย่างไรจากหนังแอนิเมชันเรื่องอื่นๆ

 

กันย์: ด้วยความที่เราอยากทำแอนิเมชันที่สมจริง เราก็อยากได้ความเคลื่อนไหวที่สมจริงที่สุด แล้วเราจะใช้วิธีไหนดี จะใช้ Motion capture หรือ Filming นักแสดง เราเลือกวิธีหลัง เพื่อให้ตัวละคร อ๊อด กับ ไต้ฝุ่น เป็นคนเดียวกันจริงๆ เพื่อให้ พี่โบ กับ เสี่ยวหลาน เป็นตัวละครหนึ่งเดียวกันจริงๆ เพราะฉะนั้น นักแสดงจะไม่ใช่เข้ามายืนพากย์ๆๆ แล้วจบ แต่เขาต้องแสดงด้วยจริงๆ ต้องเดิน กระโดด วิ่ง ลงกลิ้งกับพื้น ทั้งหมดเพื่อให้เราเห็นความเคลื่อนไหวจริงๆ ของแต่ละคน เพื่อการเอาไปทำแอนิเมชันในขั้นตอนต่อไปให้สมจริง

 

โบ: ตอนโบเข้าไปออดิชันโบก็คิดแบบนี้ คือแค่ลงเสียง แต่กลายเป็นว่ามันเหมือนการไปคัดตัวละครเวที คือต้องจำบท แล้วแสดงจริงๆ ที่บอกว่าลงไปกลิ้งกับพื้นนี่ไม่ได้พูดเกินจริงนะคะ โบนี่แหละ ต้องหลบกระสุน ต้องสู้กับยักษ์ แต่มันสนุกมากเลยนะ

 

กันย์: อย่างพี่โบนี่เขาใช้เวลาทั้งหมด 3 ปีนะครับกว่างานจะจบ

 

โบ: ใช่ค่ะ เพราะต้องเริ่มจากการแสดงก่อน แล้วจากนั้น พอทุกอย่างมาเป็นร่างแรก เราค่อยกลับมาลงเสียงเพื่อจับภาพการเคลื่อนไหวของสีหน้าและริมฝีปาก และทุกครั้งที่เขาส่งดราฟต์ใหม่กลับมา เราก็ต้องกลับไปลงเสียงซ้ำอีกเพราะเขาอยากให้เสียงลงตัวกับมู้ดและโทนที่สุด

 

ขอโบถามอีกอย่างค่ะ 230 ล้านบาทนี่เป็นตัวเลขเพดานหรือยังคะตอนนั้น คือยังไงก็ห้ามเกินเท่านี้แล้วนะพวกเรา หรือ เอ้า เท่าไรเท่ากัน เต็มที่ ไม่มีลิมิต

 

กันย์: (หัวเราะ) ถ้าพูดกันตามตรงก็คือไม่ได้กำหนดลิมิตกันครับ เพราะเราตั้งใจจะทำให้มันออกมาดีที่สุดจริงๆ แต่เราก็ต้องระมัดระวังในการใช้จ่ายแบบสุดๆ และต้องดูให้ดีว่า ทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ จะทำให้ตัวหนังดีขึ้นจริงๆ มันอาจจะไปถึง 300 ล้านก็ได้นะ แต่ที่สุดก็หยุดที่ 230 นี่แหละครับ คือตรงจุดนั้นมันดีแล้ว และเมื่อมันดีแล้ว เราต้องรู้จักหยุด เหมือนศิลปินแหละครับ จิตรกรจะสามารถแก้ เสริม เติมแต่งงานตัวเองไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ต้องมีคนมาบอกว่า เอาล่ะ พอได้แล้ว สวยแล้ว ไม่งั้นไม่จบ

 

โบ: ทุกคนมีการมานั่งคุยกันไหมว่า โอเค รู้ล่ะว่าอยากทำให้ดีที่สุด แต่งบบานมาขนาดนี้นี่มันบ้าไปแล้วนะ อะไรแบบนี้มีไหม โบรู้มาว่า ที่จริงตอนตั้งงบกันเบื้องต้นไว้ที่ 30 ล้าน ก็มีการแอบเผื่อบานปลายกันไปแล้วที่ 1 เท่าตัว คือ 60 ล้าน ในวันที่รู้ว่ามันต้องเกิน 60 ล้าน คุยอะไรกันบ้างคะ

 

กันย์: พวกเราอยู่กันเหมือนครอบครัวเดียวกัน และทุกคนตั้งใจจะทำหนังเรื่องนี้จริงๆ ทุกคนก็ยอมลงทุนเพิ่มกันแหละครับ แต่ผมต้องให้เหตุผลทุกคนอย่างละเอียดว่าทำไม และการเพิ่มทุนจะไปช่วยอะไรตรงไหนบ้าง เช่น ต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่า ทำไมเราต้องใส่ไปอีก 20 ล้านบาทเพื่อวงออร์เคสตรา หรือทำไมเราต้องซื้อเจ้าเครื่องนี่มาในราคาอีก 10 ล้านบาท โชคดีที่ทุกคนเข้าใจ ผมว่าเป็นเพราะพวกเราต่างก็เริ่มต้นจากการไม่รู้เหมือนกัน และเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน แล้วก็เห็นในเป้าหมายเดียวกัน นั่นล่ะครับ ที่มาของ 230 ล้านบาท (หัวเราะ)

 

๙ ศาสตรา : วงออร์เคสตร้า 90 ชิ้น

๙ ศาสตรา : วงออร์เคสตร้า 90 ชิ้น

๙ ศาสตรา

 

15.50

๙ ศาสตรา ก้าวเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่

 

โบ: ๙ ศาสตรา เซ็นสัญญากับทางจีนแล้วด้วยใช่ไหมคะ

 

กันย์: การจะเข้าไปฉายในจีนได้มี 2 ทางครับ หนึ่ง Buyout คือการขายขาดสิทธิในการฉายไปเลย รับเงินมาหนึ่งก้อน จากนั้นเขาจะเอาไปฉาย ทำกำไรแค่ไหน เขาเก็บหมด และสอง Revenue sharing คือแบ่งรายได้กัน

 

มีหนังต่างประเทศแค่ปีละ 34 เรื่องเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ฉายในประเทศจีน ในจำนวนนั้น จะเป็นหนังฮอลลีวูดไปแล้ว 28 เรื่อง อีก 6 เรื่องที่เหลือก็จะเป็นหนังจากที่อื่นๆ ในโลก ทีนี้กระทรวงวัฒนธรรมของไทยก็ช่วยผลักดันให้หนังของเราได้โควต้าเข้าไปฉาย จัดจำหน่ายโดย Bona Film Group ของจีน น่าจะเข้าโรงในช่วงเดือนหน้า (กุมภาพันธ์ 2018) นี้แล้วครับ ทีนี้จะเป็นยังไงก็ต้องติดตามดูกันต่อไป

 

โบ: นี่เป็นเหตุผลหนึ่งหรือเปล่าคะที่ตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นชาวจีน เพราะโบรู้มาว่า ตอนแรกคาแรกเตอร์เสี่ยวหลานจะได้ชื่อว่า มายา และเป็นสาวดัตช์

 

กันย์: ใช่ครับ เป็นความคิดของหุ้นส่วนคนหนึ่งของผม เพราะเชื่อว่าการที่ตัวละครหลักของเราเป็นสาวจีน น่าจะเป็นที่ถูกใจผู้ชมชาวจีนยิ่งขึ้น เราคิดว่ามันสมเหตุสมผลและแนบเนียนดีนะ เพราะจีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกันอยู่แล้ว เสี่ยวหลานเลยกลายเป็นสาวลูกครึ่งไทย-จีน แถมเล่นกู่เจิง เพราะเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองยอดนิยมของจีน และนอกจากนั้นยังมีเหตุผลบางอย่างตามท้องเรื่องที่ผมไม่พูดแล้วกันครับ ไม่อยากสปอยล์

 

โบ: โบว่ามันดูเซ็กซี่ขึ้นด้วยนะ

 

กันย์: ใช่ครับ (หัวเราะ) ตอนที่เราตัดสินใจเปลี่ยนมายาเป็นเสี่ยวหลาน เราออกแบบตัวละครไปพอสมควรแล้ว สิ่งที่เราทำคือกลับมาออกแบบเรือใหม่ เปลี่ยนหน้าตาอาวุธต่างๆ ให้ดูมีความเป็นจีนมากขึ้น แล้วผมก็จำได้ว่าพี่โบเจอปัญหานิดหน่อยในเรื่องการหัดพูดจีนใช่ไหม

 

โบ: ใช่ค่ะ ยากมาก (เสียงสูง) แล้วผู้กำกับก็จะเอาสำเนียงเจ้าของภาษาเป๊ะอีกต่างหาก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้สำหรับคนอายุ 30 ที่ไม่เคยพูดจีนมาก่อนนะ! (หัวเราะ) สุดท้ายคือต้องมีครูมาช่วยสอน แล้วโบก็ต้องพูดตามครูแบบพยางค์ต่อพยางค์ นี่คือหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตเลยนะเนี่ย แต่ดีใจค่ะที่มีโอกาสได้ลอง

 

กันย์: สุดท้ายก็ออกมาดีนา ฟังเผินๆ เหมือนสาวจีนจริงๆ เลยแหละ (หัวเราะ)

 

19.40

เกือบจะโกฮอลลีวูด

 

โบ: นอกจากจีน รู้มาว่าเกือบได้ไปฮอลลีวูดด้วย

 

กันย์: เราได้เซ็นสัญญาแบบ worldwide release กับบริษัทชื่อ The Weinstein Company

 

โบ: ชื่อคุ้นๆ นะคะ

 

กันย์: นั่นล่ะครับ (หัวเราะ) เอาจริงๆ ก่อนหน้านั้นผมไปมาหมดแล้ว โซนี่ พาราเมาท์ ดิสนีย์ แต่พบว่า ไวน์สตีน เป็นบริษัทที่เหมาะกับหนังของเราที่สุด ก็เซ็นสัญญากันเรียบร้อย กำหนดฉายพร้อมเมืองไทยด้วยซ้ำ แต่แล้วก็เกิดเรื่องฉาวกับนายไวน์สตีนเสียก่อน เราเลยถอนตัวเพราะกลัวจะดราม่า แล้วก็กลับมาเร่ขายหนังกันอีกรอบ เทียวไปคุยกับอีกหลายบริษัท ตอนนี้กำลังดูข้อเสนอและเงื่อนไขกันอยู่ครับ แต่เป้าหมายของเราคือหาคนที่จะช่วยพา ๙ ศาสตรา ไปสู่สายตาคนดูให้เยอะที่สุด

 

โบ: สำหรับคุณผู้ฟังที่ไม่คุ้นเคยกับ คดีของนายไวน์สตีน ลองกูเกิล #MeToo ดูได้นะคะ (หัวเราะ) รู้เรื่องทันที

 

อย่างไรก็ตาม โบก็แอบได้ยินมาอีกว่า ตอนนั้นมีการคุยกับไวน์สตีนไว้แล้วในเรื่องของการเอาดาราแนวหน้าฮอลลีวูดมาพากย์เสียงให้ ๙ ศาสตรา ใช่ไหมคะ

 

กันย์: ใช่ครับ ตอนที่เรานัดเจอเขาครั้งแรก ไวน์สตีนให้เรานั่งรออยู่ 4 ชั่วโมง แล้วพอมาถึง เขาดูหนังไปแค่ 15 นาทีก็ตบโต๊ะเลย แล้วก็บอกว่า แจ๋ว จะเอา! บอกให้เรากลับมาใหม่พรุ่งนี้ จะร่างสัญญาเอาไว้ให้

 

วันรุ่งขึ้นเราก็กลับไป เขาพูดว่า รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันคือฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ฉันคือพระเจ้า เราก็ ได้ครับพี่ครับ ตามนั้นครับ (หัวเราะเบาๆ) แล้วเขาก็บอกว่า หนังน่ะดูดีนะ แต่ต้องมีดาราดังๆ มาให้เสียงถึงจะเวิร์ก เมื่อวานฉันโทรหา แชนนิง เททัม และเมื่อคืนก็ไปกินข้าวเย็นกับ โรเบิร์ต เดอ นิโร เขาได้ดูตัวอย่างและตกลงแล้ว ส่วนนางเอกเนี่ย เดี๋ยวนะ ขอโทรหา คริสเตน สจวร์ต แป๊บ เธอน่าจะสนใจ ว่าแล้วก็ยกหูโทรเลยครับ เออ มีหนังเรื่องหนึ่ง แอนิเมชัน แอ็กชัน ฉันว่าเธอต้องชอบ อืม โอเค วางหู แล้วหันมาบอกผมว่า สามคนนี้ได้แน่ ผมก็ เชี่ย (หัวเราะ)

 

หลังจากนั้นเราก็รีบกลับมาทำบทภาษาอังกฤษให้เขาอ่าน ให้เขาได้ดูตัวอย่างหนังบางส่วนเพิ่มเติม ทั้งสามคนก็ชอบกันมาก และถ้าไม่เกิดเรื่องเสียก่อนคงได้มาร่วมงานจริงๆ น่าเสียดายครับ แต่เราก็ยังเดินหน้าค้นหาต่อไปนะ ไม่ได้ แชนนิง เททัม อาจจะได้ แซค เอฟรอน ก็ได้ ใครจะรู้ จริงไหม  

 

โบ: แล้วที่จีนล่ะคะ เหมือนกันไหม เขาจะหาดาราจีนชื่อดังมาพากย์ให้หรือเปล่า

 

กันย์: ครับ ทาง โบนา ฟิล์ม จะช่วยหาให้ แต่ที่น่าสนใจคือ ปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องของภูมิศาสตร์ นั่นคือ หนังจะฉายพื้นที่ไหนของประเทศ คือจีนมันกว้างใหญ่มาก ต้องรู้ก่อนว่าฉายที่ไหน แล้วค่อยหาดาราที่เหมาะกับที่นั่นอีกที ตอนนี้เราได้ยินมาว่านางเอกอาจเป็น แอนเจลาเบบี้ (Angelababy) ส่วนพระเอกนี่ยังไม่รู้ครับ ต้องติดตามกันต่อไป  

 

ส่วนทางฮอลลีวูดเราก็ยังคงพยายามคุยเรื่อยๆ ใครให้โอกาสผมก็บินไปทันทีเลยนะ แต่โดยมากถ้าเป็นสตูดิโอใหญ่ๆ เขาจะมีหนังในมือเยอะครับ แล้วการจะโปรโมตหนังในอเมริกา ต้องใช้เงินประมาณ 20-30 ล้านเหรียญต่อเรื่อง แล้วเขาจะใช้เงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นกับหนังเราทำไม แทนที่จะเอาไปใช้โปรโมตสไปเดอร์แมน ที่เขารู้อยู่แล้วว่าทำเงินมหาศาลแน่ๆ เป็นต้น

 

นั่นคือสาเหตุที่เราคิดว่าไวน์สตีนเหมาะกับเรา เพราะบริษัทเขาถนัดดันหนังอินดี้ไงครับ แล้วไม่ได้ดันเฉยๆ ดันจนได้ออสการ์มาแล้วหลายเรื่อง และนั่นก็เป็นความฝันหนึ่งของพวกเราด้วย เราคิดกันถึงขนาดว่า ถ้าหนังเราทำเงินในเมืองไทยจนกำไร และถ้าที่สุดแล้วไม่มีใครเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายให้ในฮอลลีวูด เราจะไปเช่าโรงหนังในสหรัฐฯ แล้วเอาหนังไปฉายเองซะเลย เพราะตามกติกาแล้ว จะส่งหนังชิงออสการ์ได้ ต้องลงโรงฉายในแอลเอและนิวยอร์กอย่างน้อย 1 สัปดาห์

 

โบ: ถ้าได้ชิงจริง พาไปด้วยได้ไหม โบอยากไปเดินพรมแดง

 

กันย์: ได้เลยครับ! (หัวเราะ)

 

๙ ศาสตรา

๙ ศาสตรา

 

27.14

คุณอยากเป็นตัวละครใน ๙ ศาสตรา หรือไม่ วิธีการง่ายนิดเดียว…

 

โบ: ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางครั้งผู้สร้างสรรค์งานศิลปะจะแอบใส่ตัวตนของเขาลงไปในชิ้นงานที่ทำ ทีมงานผู้สร้าง ๙ ศาสตรา ทำอะไรอย่างนั้นกันบ้างไหมคะ

 

กันย์: อันนี้เปิดเผยให้ฟังเลยครับ เรามีข้อตกลงกันตั้งแต่แรกว่า ถ้าใครลงขันเท่านั้นเท่านี้ จะได้เป็นตัวละครในหนัง (หัวเราะ) ถ้าเงินน้อยก็อดครับ เพราะฉะนั้น คุณพ่อผม คือพ่อพระเอก คุณลุงผมนี่ คือตัวพระเอกเลย (หัวเราะ) ลุงผมอีกคนเลี้ยงนกอินทรี คนนี้ก็กลายเป็นเฒ่าฉ่อย ลุงของเสี่ยวหลาน อะไรแบบนี้

 

โบ: งั้นเรื่องหน้าโบต้องจ่ายเท่าไรถึงจะได้เป็นตัวละครบ้าง (หัวเราะ)

 

กันย์: ผมว่าน่าจะเป็นวิธีในการชักชวนสปอนเซอร์ที่ดีนะ อยากเป็นตัวละครในหนังไหมครับ จ่ายเท่านี้เลยครับ ได้เป็นแน่นอน (หัวเราะ)

 

31.41

ตัวละครที่สวยและเซ็กซี่ที่สุดในเรื่อง (อย่างแน่นอน)

 

โบ: ขอถามคำถามส่วนตัวได้ไหม อยากรู้มานานแล้วแต่ยังไม่เคยถามกันย์เลย ทำไมถึงเลือกโบเป็นเสี่ยวหลานคะ (หัวเราะ)

 

กันย์: (หัวเราะ) ตั้งแต่เห็นความตั้งใจในออดิชันเทปแล้วล่ะครับ พูดจริงๆ คือเราไม่ได้สนใจเลยว่าจะเป็นใคร ดังแค่ไหน หรือต่อให้เรื่องเก่งหรือไม่เก่งก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะเราเองก็ยังใหม่เหมือนกัน สำคัญที่สุดคือเราต้องมีแพสชันและพร้อมจะทุ่มเทเวลาให้หนังเต็มที่ นักแสดงทุกคนที่เราคัดมาล้วนมาด้วยแพสชัน และต่างก็เป็นนักแสดงที่มีวินัยในการทำงานที่สุด นั่นคือเหตุผลครับ

 

โบ: หวังว่าโบจะไม่ได้ทำให้ผิดหวังนะคะ (หัวเราะ)

 

๙ ศาสตรา : เสี่ยวหลาน

 

๙ ศาสตรา ฉายแล้ววันนี้ที่โรงภาพยนตร์ใกล้คุณ โดยมีทั้งเวอร์ชันพากย์ไทย และอังกฤษให้เลือกชมตามสะดวก

 

๙ ศาสตรา : โปสเตอร์

 


 

Credits

 

The Host สาวิตรี สุทธิชานนท์

The Guest กันย์ พันธ์ุสุวรรณ

 

Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข

Episode Producers ภูมิชาย บุญสินสุข

อธิษฐาน กาญจนพงศ์

ปวริศา ตั้งตุลานนท์

Episode Editor ภูมิชาย บุญสินสุข

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Proofreader ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์

Music Westonemusic.com

  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising