Erb คิดสร้างสรรค์อย่างไรให้บรรเจิดสุดๆ แต่จับต้องได้ และโกอินเตอร์อย่างสวยงาม

ความคิดสร้างสรรค์สำคัญมากในโลกธุรกิจ แต่จะคิดสร้างสรรค์อย่างไรให้แบรนด์ยังจับต้องได้ จินตนาการบรรเจิดแต่ยังเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า และเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็นสินค้า ยอดขาย ที่ทำให้ธุรกิจเราเติบโตได้

นี่คือเคสสตัดดี้ของแบรนด์ไทยที่ใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไปอย่างเต็มเปี่ยม จนทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ เป็นแบรนด์ที่คนรัก และโกอินเตอร์ได้อย่างน่าภูมิใจ

เคน-นครินทร์ คุยกับ รี่-พัชทรี ภักดีบุตร ผู้ก่อตั้งและ Creative Director แบรนด์ Erb ในรายการ The Secret Sauce

ความหมายของ Erb

เรามั่นใจว่าตัวเองเป็นคนเรื่องเยอะถ้าฉันจะรู้ต้องรู้ดีกว่าใคร และสนุกกับการทำอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เหมือนสาวชาวสวนที่ชอบดึงใบไม้มาดม ชอบแมลงปอ ชอบผีเสื้อ ชอบแยกสีดอกไม้ ให้เวลากับการสังเกตสิ่งรอบตัว ถ้าเรียนเก่ง คงเลือกสายชีววิทยาไปแล้ว

ชื่อ Erb ของแบรนด์เรามี 3 ความหมาย ความหมายแรกคือคำว่า อิ่มเอิบ ความหมายที่สองตีความมาจากคำว่า ‘Herb’ ที่แปลว่าสมุนไพรในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของเครื่องหอม และความหมายสุดท้ายมาจาก คุณยายอิ่มเอิบ เป็นตัวแทนของคุณยายที่รู้ลึกรู้จริงเรื่องสมุนไพร ถ้าใครอยากรู้อะไรต้องมาถามที่คุณยายเท่านั้น

แบรนด์เครื่องหอมไทยที่เริ่มจากการไปโกอินเตอร์

เราไม่เก่งด้านการตลาด แต่มาจากสายดีไซเนอร์ เลยคิดง่ายๆ แค่ว่าถ้าตัวเองชอบ เพื่อนของเราก็น่าจะชอบ และเพื่อนของเพื่อนก็น่าจะชอบด้วยเหมือนกัน ถ้ามันมีกลุ่มนี้อยู่ สามารถขยายฐานให้กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ คงทำให้แบรนด์ Erb ไปถึงกลุ่ม Upper Mass ได้

ตอนแรกเรายังไม่เชื่อว่าคนไทยจะตอบรับกับสินค้าแบบนี้ เลยเริ่มต้นจากการส่งออกก่อน ยังไม่เชิงเปิดแบรนด์ของตัวเอง แต่เป็นการส่งสินค้าให้แบรนด์ต่างชาติไปขายต่อมากกว่า ตอนนั้นเรายังไม่รู้เรื่องการค้าปลีก คิดว่าเรื่องการขาย การตลาด การเทรนนิ่งพนักงาน การเก็บข้อมูล มันจุกจิกไปหมด เลยมองว่าการส่งออกนี่แหละสบาย แค่ต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป ทำสินค้าตัวอย่างให้คนชอบ รับออร์เดอร์ ผลิตสินค้า ส่งออก จบ แถมมันดีตรงที่เราได้เงินมัดจำมาหมุนเวียนใช้ก่อนด้วย

มุ่งสู่ความฝันบนดวงอาทิตย์แห่งความเป็นไทย

รากเง้าของแบรนด์ Erb คือความเป็น Thai Luxury เราเป็นคนดื้อ ฟุ้งซ่าน ชอบฝัน แต่ทั้งหมดต้องดึงกลับมาที่คอนเซปต์ให้ได้ว่าทำไมคนถึงจะเชื่อความฝันของเรา เราต้องขายมันเป็น สมัยทำงานโฆษณา เราคิดออกแบบการ์ดปีใหม่ได้ 500 แบบ แต่เจ้านายสอนว่า ต้องคิดด้วยว่าทั้งหมดที่ออกแบบมา มันเชื่อมโยงกับชีวิตเราหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องหรือเปล่า ฉะนั้นเวลาสร้างสรรค์อะไร ทั้งหมดต้องถูกดึงกลับมาที่แก่นของมันให้ได้ เราเลยฟุ้งซ่านอยู่บนพื้นฐานของพระอาทิตย์ดวงนั้น พระอาทิตย์ที่อยากให้ Erb เป็นแบรนด์ไทยที่ใช้แต่ของไทย ไม่หลุดไปตามกระแส รวบรวมทุกความคิดอยู่บนถนนเส้นเดียวพร้อมมุ่งไปปลายทางที่ตั้งใจไว้

จุดเปลี่ยนสำคัญของ Erb

Erb ได้เข้าห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม เดือนแรกขายได้ 500,000 บาท ตื่นเต้นมาก โชคดีที่เรามีเครดิตจากการเป็นดีไซเนอร์ของ Greyhound มาก่อน เราเป็นพวกรักคนใส่ ทำเสื้อยืดก็ต้องออกแบบมาให้คนใส่ผิวผ่อง รูปร่างดี หรือเวลาจะออกแบบกางเกงเอวต่ำ ก็ต้องคิดว่าเอวต่ำคืออยู่ตรงไหน อยู่ตรงขอบพุงส่วนที่ยื่นที่สุดเพื่อให้กดหน้าท้องลงไปดีไหม ทำให้เขาดูดี หุ่นกระชับ ทุกอย่างกลับมาที่แก่นว่าเราออกแบบไปเพื่ออะไร มันคือการเอาแฟชั่นมารวมกับฟังก์ชัน ทั้งหมดนี้เราเอามาต่อยอดและใช้กับ Erb

“3 ส่วนที่เรามี ทำให้สินค้าดียิ่งขึ้นไป 3 เท่า”

การสร้างสินค้าของ Erb มี 3 ส่วน ความเชื่อ + ความฝัน + วิทยาศาสตร์ ยกตัวอย่าง เรื่องความเชื่อ เรารู้ว่าคุณยายขัดตัวเราด้วยมะขามมาตั้งแต่เด็ก มะขามมีรสเปรี้ยวช่วยกัดผิวให้ขาวผ่อง เขาขัดกันมา 200 ปีแล้วอย่างไรก็ขาวแน่ ไม่ต้องไปพยายามค้นพบอะไรใหม่ บวกกับความฝัน เราอยากทำอย่างไรก็ได้ให้ขัดผิวด้วยมะขามแล้วไม่แสบ แต่กลายเป็นผิวที่เนียนนุ่ม เราก็เปิดหนังสือพบว่าน้ำผึ้งทำให้นุ่ม ดาวเรืองทำให้ผ่อง ท้ายสุดเราใช้วิทยาศาสตร์ หาเอกสารอ้างอิงว่าทั้งหมดที่เราอยากให้รวมกันมันทำได้จริงหรือเปล่า ถ้าทำได้ เราจะเริ่มลงมือทำให้มันสำเร็จจนออกมาเป็นสินค้าตัวอย่าง พร้อมวางขายจริงในที่สุด

Erb Bespoke Fleurfume Bar

บาร์ปรุงน้ำหอมของแบรนด์เรา เป็นการ Personalize น้ำหอมกึ่งสำเร็จรูปที่อยากทำให้คนไทยใช้ เพราะสมัยนี้ผู้คนไม่ค่อยได้พิถีพิถันกับการเลือกใช้ของเอง ต่างจากสมัยแม่เราที่สามารถเข้าร้านตัดเสื้อ ไปเลือกเนื้อผ้า ซับใน กระดุม และแพตเทิร์นต่างๆ ตามใจชอบ เลยอยากทำให้พวกเขาได้เอ็นจอยกับการเลือกใช้เครื่องหอมมากขึ้น ผ่านกลิ่นที่เราเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว เขาแค่เลือกผสมได้ใหม่ โดยที่ของแต่ละคนจะไม่มีทางเหมือนกันเลย