เราควรเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันเดิมอย่างไร ให้กลายเป็นคนใหม่ที่พลังเต็มร้อย พร้อมรีดทุกขีดความสามารถออกมาใช้ ทำให้ 24 ชั่วโมงของทุกวันผ่านไปอย่าง SUPER PRODUCTIVE!
นอนหลับดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
หลายสถาบันให้ความเห็นตรงกันว่า ‘การนอน’ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ชีวิต Productive ขั้นสุด แต่คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดคิดว่าการนอนดี เท่ากับจำนวนชั่วโมงนอนในแต่ละวัน ซึ่งจริงๆ แล้วสิ่งที่สำคัญกว่าคือการนอนอย่างมีคุณภาพต่างหาก
วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าตัวเองนอนหลับอย่างมีคุณภาพหรือไม่ ให้ดูที่เวลาตื่น ถ้ารู้สึกสดชื่นแจ่มใสไม่ต้องพึ่งพานาฬิกาปลุก นั่นแปลว่ามาถูกทางแล้ว แต่หากยังสะลึมสะลือ เหมือนต้องประกอบร่างใหม่ในทุกเช้า ขอแนะนำทริกง่ายๆ ดังนี้
1. ง่วงแล้วอย่าฝืน อย่าต่อรองเวลาตัวเองอีก 1 ชั่วโมงเพื่อสะสางงานค้างให้เสร็จ เพราะมันจะเป็น 1 ชั่วโมงที่คุณทำงานได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นหลับให้อิ่ม แล้วตื่นให้เช้าขึ้นเพื่อมาลุยงานดีกว่า
2. งดกินอาหารก่อนนอน 4 ชั่วโมง รวมถึงงดดื่มกาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3. ตอนนอนอย่าวางสมาร์ทโฟนไว้ใกล้ตัว ลงทุนซื้อนาฬิกาปลุกมาใช้แทนโทรศัพท์ยังคุ้มกว่า
ตื่นมาออกกำลังกายให้ได้ในทุกเช้า
ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งควรทำ ช่วยทำให้สมองดีขึ้น หุ่นกระชับ สร้างความมั่นใจ แถมมีงานวิจัยบอกว่าช่วยชะลอความแก่ด้วย แต่สิ่งที่ยากคือจะทำอย่างไรให้ตัวเองตื่นเช้าขึ้นมาออกกำลังกายได้จนเป็นกิจวัตร ลองทำตามทริกเหล่านี้ดู
1. จัดชุดออกกำลังกายเตรียมไว้ให้พร้อมตั้งแต่ก่อนนอน
2. ใช้กฎ 5 วินาที นับ 1-5 แล้วลุกขึ้นจากเตียงทันที ก่อนที่ความคิดด้านขี้เกียจจะมาฉุดเราให้เอนตัวนอนต่ออีกครั้ง
3. เริ่มต้นก้าวแรกให้สำเร็จ ก้าวเท้าของคุณออกมาไม่ว่าจะวิ่งบนลู่หรือสนาม แล้วก้าวต่อๆ ไปจะตามมาเอง
สร้างนิสัยที่ทำให้เป็นกิจวัตรคุ้นเคย
หลังจากวิ่งเสร็จ ร่างกายตื่นตัวเต็มที่แล้ว ขั้นต่อไปเราต้องสร้างนิสัยที่ทำให้ร่างกายคุ้นเคย เช่น ถ้าคุณชอบดื่มน้ำเปล่าผสมมะนาวทุกเช้า ร่างกายจะจดจำได้และคุ้นเคยกับมันจนติดเป็นนิสัยในที่สุด ข้อสำคัญที่ต้องเน้นย้ำ อย่าเปลี่ยนกิจวัตรบ่อย จำไว้เสมอว่าร่างกายเราชอบความเป็น routine ที่สุดแล้ว
จัดลำดับความสำคัญของงานให้เป็น
สมองคนเรามีช่วงเวลาที่ทำงานได้ดีมากสุดไม่เกิน 4 ชั่วโมง หรือเรียกว่า Prime Time ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเช้า คำถามสำคัญคือคุณทำอะไรในช่วงเวลานั้น ถ้าบริหารมันได้ดี เท่ากับว่าคุณเริ่มกิจวัตรแบบ Productive ได้ถูกทางแล้ว
แต่ถ้าหากยังไม่คล่องตัว หรือรู้สึกว่าในหนึ่งวันหมดเวลาทำงานไปแบบไร้ประโยชน์ ทำงานหนักเลิกดึกทุกวัน แต่ผลงานยังไม่ค่อยน่าพอใจ ลองเริ่มต้นจากการเขียน To do list ของสิ่งที่ต้องทำออกมาอย่างละเอียด และพิจารณาดูว่าใน 10 อย่างที่ต้องทำ อะไรสำคัญที่สุด ให้ลงมือทำสิ่งนั้นก่อน
ใช้เวลาตอนพักเที่ยงให้คุ้มค่า
เวลากินข้าวเที่ยงให้ลุกขึ้นไปกินที่ร้านอาหาร หรือบริเวณสำหรับกินข้าวจริงๆ อย่านั่งกินไปทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ไปด้วย เพราะสมองต้องการการพักผ่อน และหากมีเวลาอีกสักนิด (และที่ออฟฟิศอำนวย) ขอแนะนำให้งีบหลับสั้นๆ ไม่เกิน 15-20 นาที เพื่อให้สมองได้พักเต็มที่
‘เช็กอีเมล คุยกับเพื่อนต่างแผนก ประชุมอัปเดต’ สิ่งที่ควรทำหลังพักเที่ยง
ต้องยอมรับว่าช่วงบ่าย อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำงานที่ต้องใช้พลังสมองมากนัก ลองทำอะไรที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จ หรือออกไปพูดคุยกับคนอื่นที่ปกติไม่ค่อยได้สนทนากัน มันอาจทำให้ได้เห็นว่าคุยกันตอนเห็นหน้าดีกว่าส่งไลน์กันไปมาตั้งเยอะ
Fasting เทคนิคการกินที่คนอยากประสบความสำเร็จกำลังนิยม
พูดถึงเรื่องการกินกันบ้าง Fasting คือการแบ่งเวลาอดอาหารเป็นช่วงๆ เช่น ใน 1 วันมี 24 ชั่วโมง คนทำ Fasting จะต้องกินให้อยู่ภายใน 8 ชั่วโมงติดต่อกัน นอกนั้นอีก 16 ชั่วโมงที่เหลือต้องอดอาหาร หรือสามารถกินได้แค่น้ำเปล่าหรือกาแฟดำที่มีพลังงาน 0 แคลอรี และต้องทำเช่นนี้วนไปทุกวันจนเป็นสุขลักษณะนิสัย เพื่อฝึกให้ร่างกายไม่รับพลังงานใหม่เข้าไป และเกิดการดึงพลังงานที่เก็บอยู่ออกมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อการทำงาน
แต่เทคนิคนี้อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน ลองปรึกษาแพทย์และศึกษาข้อมูลก่อนเริ่มทำจะดีที่สุด (ศึกษาข้อมูลเรื่อง Fasting เพิ่มเติมได้ที่ thestandard.co/podcast/thesecretsauce56)
วางสมาร์ทโฟนเสียบ้าง ใช้เวลากับคนรอบตัวให้มากขึ้น
แม้จะเหนื่อยกับกิจกรรมที่ทำมาตลอดทั้งวันมากแค่ไหน และอยากใช้เวลาไปกับการปล่อยใจไถโทรศัพท์ ดูซีรีส์ผ่านเน็ตฟลิกซ์ แต่จำไว้เสมอว่าพ่อแม่เราแก่ขึ้นทุกวัน เช่นเดียวกับคนมีครอบครัวที่ลูกเราจะโตขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่อยากเสียดายทีหลัง ไม่อยากพลาดช่วงเวลาสำคัญ ลองให้เวลากับพวกเขาให้มากขึ้นอีกสักนิด รวมถึงหางานอดิเรกที่ชอบทำ ถือเป็นการฝึกความ Productive เพิ่มขึ้นด้วย
นั่งสมาธิก่อนนอน ยืดเหยียดร่างกาย สิ่งสุดท้ายที่ควรทำก่อนหมดวัน
การนั่งสมาธิช่วยเรื่อง Productive โดยตรง คนที่ฝึกจนเป็นนิสัยจะทำให้โฟกัสสิ่งที่ต้องทำตรงหน้าในทุกช่วงเวลาได้ดีขึ้น มองเห็นอะไรด้วยใจที่พร้อมเปิดกว้าง บางคนพูดจาดีขึ้น มองโลกในแง่ดีมากขึ้น คิดก่อนพูดมากขึ้น หรือสำหรับบางคนที่ไม่สามารถปิดสวิตช์สมองจากเรื่องยุ่งๆ ก่อนนอน การนั่งสมาธิช่วยได้
ข้อแนะนำ: ลองหาแอปพลิเคชันที่ช่วยให้เรานั่งสมาธิได้ดีขึ้นมาใช้ เช่นแอป calm ข้อดีของแอปฯ ประเภทนี้ จะช่วยสะสมจำนวนวันที่เรานั่งสมาธิติดต่อกันมาให้เห็นเป็นตัวเลขชัดๆ และถ้าเมื่อไรที่ขาดไปเพียงหนึ่งวัน แอปฯ จะเริ่มต้นนับศูนย์ใหม่ ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่อยากพลาดกับเรื่องแบบนี้ เหมือนเป็นการฝึกวินัยที่ทำให้เราค่อยๆ นิ่งขึ้นทีละนิด
และสุดท้ายทำไมเราต้องยืดเหยียดร่างกาย คนยุคนี้เป็นออฟฟิศซินโดรมมากขึ้น จากการนั่งทำงานผิดท่านานเกินไป ทางแก้ไข คุณต้องฝึกยืดกล้ามเนื้อบ้าง เพื่อลดอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวที่เป็นอยู่ประจำ ข้อแนะนำง่ายๆ คือเปิดคลิปจากยูทูบแล้วทำตาม วันละไม่เกิน 10 นาที รับรองชีวิตดีขึ้นแน่นอน
สามารถฟังพอดแคสต์ SUPER PRODUCTIVE
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย
Credits
The Host รวิศ หาญอุตสาหะ
Show Creator รวิศ หาญอุตสาหะ
Show Producers เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์, ปวริศา ตั้งตุลานนท์
Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์
Sound Designer & Engineer กฤตพล จียะเกียรติ
Coordinator & Admin อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director อนงค์นาฏ วิวัฒนานนท์
Proofreader ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์
Podcast Intern วริษฐ์ โกศลศุภกิจ