×

ปิยบุตรอภิปรายสรุป ญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาต้านรัฐประหาร ชี้เป็นวาระแห่งชาติ ก่อนสภาฯ ไม่เห็นชอบ

20.02.2020
  • LOADING...

วันนี้ (20 กุมภาพันธ์) ที่รัฐสภา (เกียกกาย) ปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวสรุปญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต โดยระบุว่า ก่อนอื่นขอขอบคุณ ส.ส. ที่ร่วมอภิปรายญัตตินี้มากถึง 47 ท่าน แสดงว่าเราในฐานะ ส.ส. ให้ความสำคัญกับการต้านรัฐประหาร ทั้งนี้ตนอยากพูดถึงการรัฐประหาร 2 ครั้งสุดท้ายในประเทศไทยที่เป็นต้นเหตุสำคัญทำให้เกิดวิกฤตทางการเมืองมาจนปัจจุบัน

 

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญปี 2540 ถือเป็นฉันทามติสังคมทางการเมืองครั้งสุดท้าย เป็นสิ่งที่พลังการเมืองพร้อมใจกันยอมรับ เราเดินหน้าใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อสร้างประชาธิปไตยให้มั่นคง เดินหน้าสามารถตรวจสอบได้ แต่ใช้มาระยะหนึ่งก็เกิดพลังการเมืองกลุ่มหนึ่งตั้งข้อกล่าวหาว่าเกิดเสียงข้างมากและปราศจากการตรวจสอบ จนนำมาซึ่งความขัดแย้ง แต่แล้วก็ไม่ใช้วิถีทางประชาธิปไตยแก้ไข สุดท้ายนำมาสู่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จากนั้นก็มีการออกแบบรัฐธรรมนูญเพื่อกำจัดพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งเสมอ แต่ก็ไม่สำเร็จ จนนำมาสู่การเกิดรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นรัฐประหารซ่อม 

 

นี่เป็นจุดเริ่มต้นการเมืองแตกขั้วถึงที่สุด โดยฝ่ายหนึ่งอ้างความชอบธรรมเรื่องการเลือกตั้ง ขณะที่อีกฝ่ายอ้างความชอบธรรมเรื่องอำนาจตรวจสอบและการจำกัดการใช้อำนาจ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างอ้างชอบธรรมคนละด้าน แต่เรื่องปกติในระบอบเสรีประชาธิปไตยนั้นต้องมีความชอบธรรมทั้ง 2 ด้าน 

 

“รัฐประหาร 2549 ทำลายความชอบธรรมทั้ง 2 ด้านนี้ ความชอบธรรมเรื่องการเลือกตั้งถูกทำลาย ทำให้คนจำนวนมากไม่เชื่อระบบรัฐสภา ความชอบธรรมเรื่องอำนาจตรวจสอบการใช้อำนาจ คนจำนวนมากเห็นว่ามีเรื่องของสองมาตรฐาน แต่อย่างไรก็ตาม รัฐประหารซ่อมที่ตามมาเมื่อพฤษภาคม 2557 ก็ไม่ใช่ทางออก เราไม่สามารถขจัดความขัดแย้ง เราไม่สามารถริเริ่มความปรองดอง เราไม่สามารถรื้อฟื้นระบบรัฐสภา เราไม่สามารถรื้อฟื้นระบบตรวจสอบ เราไม่สามารถสร้างหลักการประชาธิปไตยได้ แต่สิ่งที่เราได้คือนายพลคณะหนึ่งที่มาครองอำนาจและสืบทอดอำนาจยาวนานมาจนทุกวันนี้ นี่เป็นเหตุผลที่ผมร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำหรับสร้างฉันทามติในครั้งนี้” ปิยบุตรกล่าว

 

ปิยบุตรกล่าวอีกว่า รัฐประหารเกิดขึ้นและสำเร็จได้เมื่อมีการยอมรับและไม่มีการต่อต้าน ดังนั้นถ้าทหารผู้ใต้บังคับบัญชานายพลที่ยึดอำนาจดื้อแพ่งไม่ทำตาม รัฐประหารไม่มีทางสำเร็จ ถ้าข้าราชการไม่ปฏิบัติตามนายพลคณะนั้น เขาก็จะไม่มีกลไกรัฐ ไม่มีมือไม้สำหรับทำงาน ถ้าเนติบริกรไม่รับใช้นายพลคณะนั้น เขาก็ไม่มีทางรู้ว่าเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันตนเองและสืบทอดอำนาจนั้นทำอย่างไร ถ้าตุลาการไม่ยอมรับและกล้าตัดสินว่ารัฐประหารไม่ชอบ ผู้ก่อการเป็นกบฏ รัฐประหารย่อมไม่สำเร็จ ถ้า ส.ส. ตระหนักว่าอำนาจสูงสุดเป็นของราษฎร และเป็นผู้แทนราษฎรอย่างแท้จริง ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ขัดแย้งกันได้ภายใต้กฎกติกาและพร้อมจับมือกันต่อต้าน รัฐประหารย่อมไม่สำเร็จ ถ้านักธุรกิจใหญ่ นายทุนใหญ่ไม่ลงขัน ไม่เป็นทุน ไม่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้นายพลคณะนั้น การรัฐประหารย่อมไม่สำเร็จ ถ้าสื่อมวลชนพร้อมใจนำเสนอข่าวต่อต้าน ไม่เรียกบิ๊ก ไม่เรียกลุง ไม่เรียกอา รัฐประหารย่อมไม่สำเร็จ และถ้าประชาชนคนไทยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และเห็นว่าการรัฐประหารเป็นสิ่งแปลกปลอมและร่วมกันต่อต้าน รัฐประหารย่อมไม่สำเร็จ

 

ปิยบุตรกล่าวว่า เราในฐานะ ส.ส. ชุดที่ 25 ที่ผ่านมามีมติตั้ง กมธ. ที่สำคัญหลายคณะ เราสามารถสร้างฉันทามติร่วมกันระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้ และคณะหนึ่งที่มีความสำคัญ นั่นคือ กมธ.วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีอีกญัตติหนึ่ง นั่นคือขอตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ซึ่งไม่สามารถตั้งได้ สำหรับญัตติที่ตนกำลังอภิปรายนี้ ควรเป็นญัตติที่หาฉันทามติร่วมกันได้ เพราะญัตตินี้ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของ ส.ส. ทุกท่าน นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องการเอาชนะคะคานกัน แต่เป็นการประกาศศักดิ์ศรี ส.ส. ว่า เราเป็น ส.ส. ที่จะไม่ยอมจำนนรัฐประหาร เราไม่ใช่ผู้แทนคณะรัฐประหาร ดังนั้น ขอสมาชิกมองข้ามเรื่องมติวิปรัฐบาล แต่มองให้เห็นว่าญัตตินี้ไม่ใช่เรื่องความมั่นคงรัฐบาล การมี กมธ. ชุดนี้ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ รัฐบาลยังคงเดินหน้าทำงานต่อไปได้ แต่หากญัตตินี้จะกระทบใครก็คงเป็นนายกรัฐมนตรีที่ยึดอำนาจมา คงกระทบรัฐมนตรีที่เป็นนายพลจำนวนมากที่ได้ดำรงตำแหน่งเพราะยึดมา 

 

“ถ้าเพื่อนสมาชิกเอาเรื่องความมั่นคงรัฐบาลมาเป็นกังวลใจไม่ให้เห็นชอบ จะกลายเป็นว่า ตกลงเราเป็นผู้แทนราษฎร หรือเป็นทหารที่ต้องรับฟังคำสั่งของนายพลที่ยึดอำนาจมา หากมติของที่ประชุมคือไม่ตั้ง กมธ. ชุดนี้ แสดงว่าคราบไคลรัฐประหารยังอยู่กับเรา แสดงว่าเงาทะมึนของคณะรัฐประหารยังอยู่รอบสภา แต่ตรงกันข้าม ถ้าตั้งได้ ย่อมแสดงว่า ส.ส. เราพร้อมจับมือร่วมเดินหน้าไม่ให้เกิดรัฐประหารอีก เป็นการสร้างความหวังให้กับประชาชนอย่างแท้จริง”

 

ปิยบุตรกล่าวทิ้งท้ายว่า การอภิปรายสรุปญัตติครั้งนี้ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการอภิปรายสรุปครั้งสุดท้ายของตนเองหรือไม่ เพราะถึงแม้ตนจะมั่นใจในข้อกฎหมายว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่ถูกยุบอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายชะตากรรมของตนก็อยู่ในมือศาลรัฐธรรมนูญ ตนอยากขอแรง ส.ส. ร่วมสนับสนุนญัตตินี้ เพราะนี่ไม่ใช่วาระของตน นี่ไม่ใช่วาระพรรคอนาคตใหม่ นี่ไม่ใช่วาระพรรคฝ่ายค้าน นี่ไม่ใช่วาระฝ่ายรัฐบาล แต่นี่เป็นวาระแห่งชาติที่ ส.ส. ต้องร่วมมือกัน มนุษย์เป็นผู้ขีดเขียนประวัติศาสตร์ ขอให้ ส.ส. ร่วมกันยกมือเห็นชอบเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน 

 

ขณะที่หลังการอภิปรายสรุปญัตติ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สมาชิกแสดงตนและเตรียมลงมติ โดยในช่วงนี้ ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ได้ยกมือและลุกขึ้นหารือ จากนั้นกล่าวกับชวนว่า อยากเชิญชวนประธานสภามาร่วมโหวตญัตตินี้ด้วย เพื่อยืนยันสิ่งที่พูดเสมอว่าท่านเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา โดยชวนตอบกลับเพียงว่า อยู่ในขั้นตอนการแสดงตน 

 

ทั้งนี้ในการลงมติญัตติดังกล่าว ผลปรากฏว่าจำนวนผู้เข้าประชุม 459 คน เห็นด้วย  215 เสียง ไม่เห็นด้วย 242 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง ไม่มีการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising