“…สำหรับผม สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกถูกต้อง คือการเริ่มต้นค่ำคืนด้วยการสวดไว้อาลัย แด่ผู้หญิงที่พวกเรารัก แด่พี่สาวผู้ล่วงลับ วิตนีย์ ฮุสตัน…”
แอลแอล คูล เจ กล่าวเปิดงาน Grammy Awards ครั้งที่ 54 พร้อมกับน้ำตาที่คลอเต็มสองข้าง เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 หรือราว 1 วันหลังจากพบร่างวิตนีย์ ฮุสตันเสียชีวิตในห้องสูทที่โรงแรม Beverly Hilton
ปิดตำนานนักร้องสาวเจ้าของน้ำเสียงทรงพลังที่สะกดผู้คนทั่วทั้งโลกด้วยวัยเพียง 48 ปี นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดอีกหนึ่งครั้ง ที่ไม่ใช่เฉพาะกับวงการดนตรี แต่หมายถึงโลกใบนี้ที่ไม่มีโอกาสได้รับฟังเสียงที่แสนมหัศจรรย์ของเธออีกต่อไป
วิตนีย์ ฮุสตัน สาวน้อยจากเมืองนิวเจอร์ซีย์ ผู้เริ่มหัดร้องเพลงในโบสถ์ตั้งแต่อายุ 11 ปี มีโอกาสร่วมร้องเพลงกับ เอมิลี ซิสซี คุณแม่ที่เป็นนักร้องประสานเสียง จนสุดท้ายน้ำเสียงอันแข็งแกร่งและทรงพลังก็ได้ไปสะดุดหูตัวแทนจากค่าย Arista Records ทำให้วิตนีย์ได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว
มีผลงานเดบิวต์อัลบั้มออกมาในชื่อ Whitney Houston (1985) ที่ทำยอดขายได้มากกว่า 25 ล้านก๊อบปี้ทั่วโลก ก่อนจะตามมาติดๆ ด้วยความสำเร็จจาก Whitney (1987) อัลบั้มชุดที่ 2 ซึ่งสามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard 200 ได้เช่นเดียวกับอัลบั้มแรก
ความสำเร็จของวิตนีย์พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทั่วทั้งโลกต้องจับตา ด้วยผลงานเพลงคุณภาพ ถูกขับร้องผ่านน้ำเสียงทรงพลัง ที่แม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่ก็ยังเป็นที่รู้จัก และถูกเปิดฟังซ้ำๆ อยู่เสมอ ทั้ง The Greatest Love of All, I Wanna Dance with Somebody, Saving All My Love for You, My Love if Your Love, One Moment in Time ฯลฯ
แม้ชีวิตการทำงานของวิตนีย์จะเต็มไปด้วยความสวยงาม แต่ชีวิตส่วนตัวของเธอนั้นกลับแสนเศร้าและเต็มไปด้วยปัญหา ตั้งแต่ชีวิตแต่งงานที่ไม่ราบรื่นนัก ไปจนถึงภาวะเครียด กดดัน ที่ทำให้วิตนีย์เริ่มใช้สารเสพติดจนกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของเธอ
จนถึงทุกวันนี้แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 10 ปี แต่การจากไปของวิตนีย์ก็ยังถือเป็นหนึ่งความสูญเสียที่สะเทือนใจที่สุดสำหรับคนในอุตสาหกรรมดนตรี ที่ ณ ปัจจุบันหลงเหลือไว้เพียงมรดกล้ำค่า ทั้งบทเพลงอมตะและชื่อเสียงในฐานะเจ้าของยอดขายเพลงกว่า 200 Records เป็นเจ้าของรางวัลทางดนตรีมากที่สุดตามบันทึกของ Guinness World Records รวมทั้งน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ ทรงพลัง ที่จะยังคงอยู่ในใจของคนฟังอีกนานแสนนาน
