หลังจากที่พี่ใหญ่ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี และ จุฑามาศ จิตรพงศ์ นักมวยหญิงพลาดตกรอบในการแข่งขันมวยโอลิมปิกที่รอบ 8 คนสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย ทำให้ความหวังเดียวของทัพขุนพลเสื้อกล้ามไทยตกอยู่ในมือของ สุดาพร สีสอนดี นักชกหญิงในรุ่นน้ำหนัก 60 กิโลกรัม
‘แต้ว’ ไม่ทำให้ใครผิดหวังเมื่อสามารถเอาชนะมวยดาวรุ่งฝีมือดีแถมประวัติไม่ธรรมดาอย่าง แคโรไลน์ ดูบัวส์ นักชกจากสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นน้องสาวของ แดเนียล ดูบัวส์ นักชกดังของอังกฤษแถมมีดีกรีแชมป์ยูธโอลิมปิกได้แบบไม่เป็นเอกฉันท์ 3-2
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้สุดาพรกลายเป็นนักชกประวัติศาสตร์อีกคนของไทยทันที เพราะเธอคือนักมวยหญิงคนแรกที่จะได้เหรียญโอลิมปิกมาครอบครอง การเข้ารอบรองชนะเลิศซึ่งจะไปพบกับ เคลลี แอนน์ แฮร์ริงตัน นักชกชาวไอร์แลนด์ที่เป็นคู่ปรับเก่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเธอได้เหรียญทองแดงมาไว้ในครอบครองแล้ว
ถึงแม้จะน่าเสียดายที่เธอพ่ายแพ้ต่อยอดมวยหญิงชาวไอริชไปแบบหวุดหวิดในการชกรอบรองชนะเลิศ แต่อย่างน้อยที่สุดสุดาพรก็ได้เหรียญทองแดงมาในครอบครอง และที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เธอกลายเป็นขวัญใจอีกคนของชาวไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักเธอดีขึ้น นี่คือเรื่องราวความเป็นมาของนักชกหญิงฮีโร่โอลิมปิกของพวกเรา
- สุดาพร สีสอนดี หรือ ‘แต้ว’ เป็นชาว อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี โดยกำเนิด เธอเกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2534
- จุดเริ่มต้นในการเป็นนักมวยของเธอเกิดจากความรักในมวยไทยของคุณพ่อ ยอดนคร สีสอนดี ซึ่งปกติแล้วเป็นเกษตรกรทำไร่ทำนา แต่รักมวยไทยมากจึงตั้งค่ายมวยเล็กๆ ขึ้นที่บ้านตัวเอง คนที่มาสมัครเรียนก็เป็นลูกๆ หลานๆ ของเพื่อนบ้านมีอยู่กัน 3-4 คน
- ถึงคุณพ่อจะไม่ได้เป็นนักมวยอาชีพ แต่ก็ใช้ประสบการณ์จากการดูมวยมาตลอดชีวิตถ่ายทอดความรู้ให้ลูกศิษย์ทุกคน ซึ่งรวมถึงตัวของสุดาพรเองด้วยที่เห็นเขาซ้อมกันก็อยากซ้อมตามบ้าง
- ในทีแรก ‘แต้ว’ ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรเพราะเหนื่อย แต่เหมือนคุณพ่อจะมองเห็นแววบางอย่างในตัวลูกจึงเคี่ยวเข็ญ
- ไฟต์แรกในชีวิตเป็นการขึ้นชกบนเวทีงานวัดแถวบ้าน เด็กหญิงสุดาพรวัย 11 ปี นักชกมือใหม่ถอดด้ามขึ้นสังเวียนสู้กับนักชกวัย 29 ปีที่เก๋าเกมกว่าเยอะ กลัวก็กลัว ตื่นคนดูก็ด้วย แต่สุดท้ายเธอกลายเป็นฝ่ายชนะไปเฉยเลย
- จบไฟต์แรกของชีวิตแต้วร้องกระจองอแงกับพ่อบอกว่าไม่อยากต่อยมวยแล้วเพราะเจ็บ (พลังแข้งคู่แข่งหนักมาก) ช้ำไปทั้งตัว ซึ่งพ่อก็ไม่ได้บังคับอะไร แต่พอเวลาผ่านไปสุดาพรก็ยังซ้อมเรื่อยๆ แบบไม่จริงจัง และขึ้นชกบ้าง เพราะว่าการขึ้นชกในแต่ละไฟต์หมายถึงการได้เงินค่าตัว
- สิ่งนี้เองที่ทำให้เธอยอมเจ็บ เพราะมันสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของที่บ้านได้ เรียกว่าเสียงครหาจากคนอื่นไม่สำคัญเท่าความรู้สึกภูมิใจที่ได้แบ่งเบาภาระของครอบครัว
- จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเธอสอบเข้าโรงเรียนกีฬาของจังหวัดขอนแก่นได้ ซึ่งทีแรกเธออยากคัดมวยไทยเข้าแต่คู่แข่งเยอะ มีคนแนะนำให้ลองเข้าสมัครมวยสากลสมัครเล่นก็ลองไปสอบดู ปรากฏว่าคัดติด ซึ่งแม้จะยังขึ้นชกมวยไทยบ้างแต่ชีวิตของสุดาพรค่อยๆ เบนมาทางมวยสากลสมัครเล่นอย่างช้าๆ
- ฝีมือการชกของเธอโดดเด่น ได้เหรียญทองกีฬาเยาวชนแห่งชาติและเหรียญเงินในกีฬาแห่งชาติ และได้โอกาสเข้าแคมป์เก็บตัวกับทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งความจริงตอนแรกก็คิดว่าไกลเกินฝันแล้ว
- แต่ราคาของความฝันมันแพงเสมอ จากที่เคยอยากต่อยมวยเพื่อจุนเจือครอบครัว การอยู่กับทีมชาติทำให้เธอไม่สามารถทำแบบนั้นได้และทำให้ท้อแท้จนเคยขอลากลับบ้านเพื่อพักใจ
- คนที่ปลุกใจของสุดาพรให้กลับมาสู้อีกครั้งไม่ใช่ใคร คือพ่อของเธอเองที่ไล่ให้กลับไปซ้อม “เลือกทางนี้ มีโอกาสแล้วต้องสู้”
- หลังจากนั้นสุดาพรไม่เคยหยุดเดินในเส้นทางนี้ เธอขึ้นชกรายการใหญ่ครั้งแรกในซีเกมส์ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในปี 2554 ซึ่งเมื่อรู้ว่าจะได้ไปแข่ง คนแรกที่แต้วโทรหาก็คือพ่อ และเป็นพ่อที่บอกว่า “เชื่อพ่อหรือยังว่ามีโอกาสเราต้องทำ”
- ซีเกมส์ครั้งนั้นเธอได้เหรียญทอง ก่อนจะได้เหรียญเงินในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ และในมวยชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2561 ซึ่งครั้งนั้นเธอผิดหวังเพราะคิดว่าน่าจะไปได้ถึงเหรียญทอง แต่กำลังใจจากคนรอบข้างทำให้สุดาพรกลับมาสู้ต่ออีกครั้ง
- จนถึงวันนี้เธอได้เข้าร่วมแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกแล้ว และทำได้ถึงขั้นคว้าเหรียญรางวัลติดมือกลับบ้านมาแน่นอนเมื่อผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้
- บนเวทีหลังจากที่กรรมการให้เธอเป็นฝ่ายชนะเหนือ แคโรไลน์ ดูบัวส์ สุดาพรร่ำไห้อย่างไม่อายใคร ก่อนที่เธอจะเปิดเผยความรู้สึกในเวลาต่อมาว่า “ตอนที่กรรมการผายมือมาที่เรา รู้สึกดีใจที่สุดในชีวิต พูดอะไรไม่ออกเลย ตอนนั้นคิดถึงครอบครัวโดยเฉพาะคุณพ่อ เสียดายที่คุณพ่อไม่ได้เห็นวันนี้ เพราะพ่อเป็นคนบังคับให้ชกมวยทำให้เรามีวันนี้”
- สิ่งที่เธออยากบอกพ่อคือ “ถ้าพ่อรับรู้ได้ ขอให้พ่อภูมิใจ หนูทำได้แล้ว”
ส่วนคนไทยทุกคน พวกเราภูมิใจในความสำเร็จของเธอเช่นกัน และรู้สึกขอบคุณทุกความเหนื่อยยากที่ผ่านมาของสุดาพร
นักมวยหญิงที่พิสูจน์ให้โลกได้รู้ว่ากำปั้นสาวไทยก็แกร่งไม่แพ้ใครในโลกเหมือนกัน!
อ้างอิง: