Nissan กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการผนึกกำลังกับคู่อริเก่าอย่าง Honda Motor ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ร่วมกัน โดยอาจรวมถึงการจัดซื้อและพัฒนาอะไหล่บางส่วนไปด้วย เพื่อหวังลดต้นทุนให้สู้กับบริษัทรถ EV ของจีนได้
แหล่งข่าวของ Nissan เปิดเผยกับ Nikkei สื่อญี่ปุ่น ว่าตอนนี้แผนใหญ่คือการหาทางให้ทั้งสองยี่ห้อใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (e-Axle) ร่วมกัน โดยจะร่วมกันทั้งในส่วนจัดซื้อชิ้นส่วน ออกแบบ และพัฒนาแพลตฟอร์ม EV
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- แบรนด์ญี่ปุ่นแพ้อีกแล้ว! BYD มียอดขายทั่วโลกแซงหน้า Nissan ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของแดนซามูไร ได้เป็นครั้งแรกในไตรมาสนี้
- Honda e:N1 แม้ประกอบในไทย แต่ ‘ราคา’ คือตัวชี้เป็นชี้ตาย เพราะตั้งราคาแพงก็ขายไม่ได้ ขายถูกก็ขาดทุน แถมถอยหลังไม่ได้อีก
- Honda ปลดพนักงาน 900 คนในจีน หลายค่ายรถญี่ปุ่นต่างทยอยลดกำลังผลิต หลัง EV โตเร็วจนค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นแทบไร้ที่ยืนในจีน
การจับมือกันครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อลดต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด โดยเฉพาะคู่แข่งจากจีนอย่าง BYD ที่ได้เปรียบด้านการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ในเครือเอง รวมถึงแบตเตอรี่ซึ่งเป็นต้นทุนหลัก ทำให้สามารถกำหนดราคาได้ต่ำกว่า แถม BYD ประกาศขยายตลาดเข้ามาบุกถึงญี่ปุ่น และทำให้ทั้ง Nissan และ Honda อาจต้องลดกำลังการผลิตในโรงงานที่จีนลง
ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนภาพชัดเจนว่าผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นค่อนข้างช้าในการปรับตัวสู่รถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่ฝั่งจีนกลับก้าวหน้าไปอย่างมาก แถมรถไฟฟ้าจีนยังส่งออกได้มากจนทำลายสถิติส่งออกแซงหน้าเจ้าตลาดอย่างญี่ปุ่นเมื่อปี 2023
แม้จะเป็นคู่แข่งกันมานาน แต่การร่วมมือระหว่าง Nissan และ Honda ในครั้งนี้จะช่วยให้ทั้งสองบริษัทใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่าเพื่อการแข่งขันที่ดีขึ้น
Nissan เป็นเจ้าแรกๆ ที่บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเปิดตัวรุ่น Leaf ตั้งแต่ปี 2010 แต่ปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้าขายเพียงไม่กี่รุ่น ขณะที่ Honda เพิ่งยกเลิกการพัฒนารถไฟฟ้าร่วมกับ General Motors และหันมาเน้นพัฒนาด้วยตัวเองเต็มตัวแทน
Nissan ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ขณะที่โฆษกของ Honda ระบุว่า “ไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวที่ไม่ได้เป็นการประกาศจากทางบริษัท”
นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก Bloomberg Intelligence มองว่า Nissan เป็นฝ่ายที่ต้องการจับมือครั้งนี้เพื่อพลิกฟื้นสถานการณ์ตัวเอง ส่วน Honda ก็อาจมองว่าเป็นข้อตกลงที่น่าสนใจ เพราะหากดูแล้ว ‘มีโอกาสได้มากกว่าเสีย’
สถานการณ์ของ Honda เองก็ประสบปัญหามาไม่น้อย ทั้งการยกเลิกแผนพัฒนารถไฟฟ้าราคาประหยัดกับ General Motors และการชะลอโครงการแท็กซี่ไร้คนขับกับ GM ที่เจอปัญหาระบบอัตโนมัติจนต้องเรียกคืนรถทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา
อ้างอิง: