×

‘KTC’ โชว์กำไรนิวไฮที่ 7,140 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้ทะลุกว่าแสนล้านบาท เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่รากฐานที่แข็งแกร่ง

20.01.2023
  • LOADING...

‘KTC’ แจ้งผลการดำเนินงานปี 2565 ดีกว่าประมาณการ สร้างสถิติใหม่ทำกำไรสูงสุดอีกครั้ง โดยงบการเงินเฉพาะกิจการมีกำไร 7,140 ล้านบาท เพิ่มขี้น 14.2% และงบการเงินรวมมีกำไรสุทธิ 7,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% ในขณะที่พอร์ตสินเชื่อรวมมีมูลค่า 104,194 ล้านบาท เตรียมขับเคลื่อนองค์กรสู่รากฐานที่แข็งแกร่งด้วยแนวคิด ‘A Transition to the New Foundation’ ตอกย้ำความเป็นองค์กรที่ได้รับความไว้วางใจ (Trusted Organization) กับทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 

 

ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย หรือ KTC กล่าวว่า การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจากช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2565 ถึงปัจจุบัน ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวตามลำดับ การจ้างงานและรายได้แรงงานปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลกลับมาเติบโตดีต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และเป็นผลให้ความต้องการในวงเงินสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคเติบโต

 

“ในปี 2565 KTC ได้ดำเนินธุรกิจหลักตามแผนกลยุทธ์และเป้าหมายในด้านต่างๆ และมีผลการดำเนินงานดีกว่าที่คาดการณ์ในหลายด้าน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ทั้งพอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตที่ขยายตัว 15.4% และพอร์ตสินเชื่อบุคคลที่ขยายตัว 10.4% รวมทั้งปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC ที่มีอัตราเติบโตอย่างเห็นได้ชัดถึง 21.7% คิดเป็นมูลค่า 238,257 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด และมีแนวโน้มที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2566 ในขณะที่ยอดลูกหนี้ใหม่ของสินเชื่อ ‘KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน’ มีมูลค่า 1,055 ล้านบาท หลังจากได้ประกาศปรับประมาณการในช่วงไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม KTC จะเน้นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับธนาคารกรุงไทย เพื่อให้สินเชื่อ ‘KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน’ บรรลุเป้าลูกหนี้ใหม่ที่ 9,000 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2566”   

 

แม้ว่าในปีที่ผ่านมาพอร์ตบัตรเครดิตและพอร์ตสินเชื่อบุคคลของ KTC จะมีการขยายตัว แต่ KTC ยังคงเข้มงวดกับเกณฑ์การคัดเลือกลูกค้าใหม่ตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้ได้พอร์ตสินเชื่อที่มีคุณภาพ และมีอัตราส่วนหนี้เสียที่ต่ำ อีกทั้งการตั้งสำรองและตัดหนี้สูญได้ปรับให้เป็นไปตามลักษณะของพอร์ตในแต่ละธุรกิจอย่างเหมาะสม ครอบคลุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นจากการจัดหาสมาชิกใหม่และกิจกรรมการตลาดที่สูงขึ้น เพื่อลงทุนในการสร้างพอร์ต สำหรับรายได้รวมเติบโตจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมที่ขยายตัวตามการเพิ่มขึ้นของธุรกิจ ส่งผลให้ KTC สามารถทำกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้ง

 

ผลประกอบการของ KTC ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีฐานสมาชิกรวม 3,289,839 บัญชี, เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 104,194 ล้านบาท, อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 1.8%, ธุรกิจบัตรเครดิต 2,550,592 บัตร, เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิต 69,462 ล้านบาท, อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL) ลูกหนี้บัตรเครดิต 1.1%, ธุรกิจสินเชื่อบุคคล 739,247 บัญชี, เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคล 32,283 ล้านบาท, อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL) ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเท่ากับ 2.8%, ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าของบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) มูลค่า 2,449 ล้านบาท, อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL) ลูกหนี้ตามสัญญาเช่า เท่ากับ 8.9% ซึ่ง NPL ของลูกหนี้ตามสัญญาเช่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการตัดหนี้สูญลูกหนี้คงค้างเดิมซึ่งตั้งสำรองเต็มจำนวนแล้ว และมุ่งเน้นการหาลูกค้าใหม่ในกลุ่มสินเชื่อที่เป็นรถขนาดใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรม (Commercial Loan) เพิ่มขึ้นในปี 2566 โดยสิ้นปี 2565 มีพอร์ตสินเชื่อใหม่จำนวน 1,372 ล้านบาท

 

ในปี 2565 KTC มีรายได้รวม 23,231 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับปี 2564 จากรายได้ดอกเบี้ย (รวมค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น 5.6% และ 15.8% ตามลำดับ โดยมีส่วนของหนี้สูญได้รับคืน 3,421 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7%, สำหรับค่าใช้จ่ายรวมเท่ากับ 14,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จากค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 10.8% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้น 34.5% และในส่วนค่าธรรมเนียมจ่ายและบริการที่เพิ่มขึ้น 16.2% ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 10.8% และต้นทุนทางการเงินลดลง 1.6% 

 

ทั้งนี้ KTC ยังเน้นการบริหารต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ โดยสิ้นปี 2565 KTC มีเงินกู้ยืมทั้งสิ้น 61,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 เท่ากับ 13.3% โดยมีโครงสร้างแหล่งเงินทุนจากเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาว คิดเป็นสัดส่วน 24% ต่อ 76% ตามลำดับ โดยเป็นเงินกู้ยืมจากธนาคารกรุงไทย 6,000 ล้านบาท, สถาบันการเงินอื่นและสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง 10,179 ล้านบาท และการออกหุ้นกู้จำนวน 45,456 ล้านบาท โดยมีต้นทุนการเงินที่ 2.4% อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.2 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า และมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) จำนวน 20,709 ล้านบาท

 

“สำหรับแผนกลยุทธ์ในปี 2566 เพื่อเตรียมขับเคลื่อน KTC ไปสู่รากฐานองค์กรที่แข็งแกร่ง ‘A Transition to the New Foundation’ KTC จะปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งโครงสร้างองค์กร กลยุทธ์ กระบวนการ เทคโนโลยีและบริการ ใน 3 แกนสำคัญคือ 1. บริหารจัดการโครงสร้างให้สอดคล้องกัน (Enterprise Architecture) ทั้งธุรกิจ ระบบไอที และระบบปฏิบัติการ 2. ส่งเสริมให้บุคลากรพัฒนาทักษะสำคัญในด้านต่างๆ (Enterprise Skill Assets) ให้พร้อมที่จะก้าวไปกับ KTC และ 3. การบริหารจัดการข้อมูล (Enterprise Data Assets) ตั้งแต่การวางแผน จัดเก็บ การเข้าถึงและใช้ข้อมูล ตลอดจนการทำลายข้อมูล เน้นความปลอดภัย ถูกต้อง และโปร่งใส เพื่อให้ KTC มีฐานข้อมูลคุณภาพ สนับสนุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ” ระเฑียรกล่าว

 

“ในส่วนของ KTBL จะเน้นการปล่อยสินเชื่อ Commercial Loan เช่น รถบรรทุก เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อใหม่ในปี 2566 เท่ากับ 3,000 ล้านบาท รวมทั้งจะยังนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อเช่าซื้อให้กับลูกค้ารายย่อย แต่จะพิจารณาการปล่อยสินเชื่อตามคุณภาพของลูกค้า โดยคาดว่าในปี 2566 ธุรกิจจะสามารถเริ่มสร้างผลกำไรได้” ระเฑียรกล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising