งานศึกษาแอฟริกาใต้เผย วัคซีน Johnson & Johnson อาจมีประสิทธิภาพพอที่จะช่วยต้านเชื้อเดลตาได้

เมื่อวานนี้ (6 สิงหาคม) งานศึกษาด้านประสิทธิภาพวัคซีน ภายใต้โครงการ Sisonke ในแอฟริกาใต้ ที่เกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในแอฟริกาใต้เกือบ 4.8 แสนราย ระบุว่า วัคซีน Johnson & Johnson อาจสามารถช่วยต้านการติดเชื้อโควิด สายพันธ์ุเดลตา หรือลดอาการติดเชื้อรุนแรงลงได้

ทางด้าน เกล็นดา เกรย์ ประธานสภาวิจัยด้านการแพทย์ของแอฟริกาใต้และผู้นำการศึกษาในครั้งนี้คาดการณ์ว่า วัคซีนนี้อาจช่วยป้องกันการติดเชื้อเดลตาได้ดีกว่าการช่วยป้องกันเชื้อเบตาในช่วงก่อนนี้ โดยวัคซีนโควิดที่ฉีดเพียงโดสเดียวนี้มีประสิทธิภาพ 71% ในการลดโอกาสเสี่ยงในการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และลดโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้สูงถึง 96% โดยภูมิที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนจะอยู่นานราว 8 เดือน

เบื้องต้นเกรย์ระบุว่า จากผลการศึกษายังไม่พบความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Shot) โดยวัคซีน Johnson & Johnson ถือเป็นหนึ่งในวัคซีนหลักที่จะใช้ในแผนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในแอฟริกาใต้ แม้จะเคยสั่งระงับการฉีดวัคซีนดังกล่าวชั่วคราวเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่ทางการสหรัฐฯ สั่งระงับการฉีดวัคซีนชั่วคราวเนื่องจากอาจมีความเชื่อมโยงกับการเกิดภาวะลิ่มเลือด

ช่วงต้นปี 2021 ที่ผ่านมา Johnson & Johnson ตกลงที่จะส่งมอบวัคซีนให้กับสหภาพแอฟริกัน (African Union: AU) จำนวน 400 ล้านโดส ภายในปี 2022 โดยเล็งเห็นว่าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์สูงและฉีดเพียงโดสเดียวจะเป็นประโยชน์กับพลเมืองที่อาศัยอยู่ในแอฟริกา

บทความที่เกี่ยวข้อง: