วานนี้ (22 กันยายน) แถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ได้โทรศัพท์สายตรงพูดคุยกัน และเห็นพ้องที่จะเดินทางมาพบปะหารือกันในยุโรป ช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต หลังฝรั่งเศสเรียกทูตประจำสหรัฐฯ และออสเตรเลียกลับประเทศ จากปมไตรภาคี AUKUS ระหว่างออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ นำไปสู่การฉีกสัญญาเรือดำน้ำระหว่างฝรั่งเศสและออสเตรเลีย
ก่อนหน้านี้ ฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสระบุว่า สนธิสัญญาความมั่นคงไตรภาคี AUKUS สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก ซึ่งไตรภาคีจะนำไปสู่การช่วยให้กองทัพของออสเตรเลียมีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อร่วมมือปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงกับอีก 2 ประเทศ และส่งผลกระทบต่อดีลมูลค่าหลายพันล้านที่รัฐบาลออสเตรเลียเคยลงนามจะซื้อเรือดำน้ำฝรั่งเศสเมื่อปี 2016 ส่งผลให้ฝรั่งเศสในสถานะชาติยุโรปที่เป็นพันธมิตรที่ยาวนานของออสเตรเลียถูกสั่นคลอน
ทางด้านทูตฝรั่งเศสประจำสหรัฐฯ จะเดินทางกลับมาวอชิงตันในสัปดาห์หน้า หลังผู้นำทั้งสองประเทศตัดสินใจที่จะเปิดพื้นที่ปรึกษาหารือเชิงลึก มุ่งสร้างเงื่อนไขและหลักประกันที่จะดำเนินนโยบาย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ทั้งสองประเทศมีร่วมกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ จัดตั้ง ‘AUKUS’ ไตรภาคีด้านความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก
- เจาะลึกสนธิสัญญาความมั่นคง AUKUS สหรัฐฯ-อังกฤษ ช่วยออสเตรเลียสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ หวังคานอำนาจจีน
- ชมคลิป: AUKUS กับแผนสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ สกัดอิทธิพลจีน?
แฟ้มภาพ: Ludovic Marin / AFP
อ้างอิง: