จากการสำรวจล่าสุดของผู้เชี่ยวชาญอย่าง Bankrate พบว่า เมื่อต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดจำนวน 1,000 ดอลลาร์ หรือราว 35,000 บาท มากกว่า 1 ใน 3 ของคนอเมริกันจะเลือกยืมเงินมาจ่าย ไม่ว่าจะเป็นการใช้บัตรเครดิต ขอยืมเงินจากเพื่อนหรือครอบครัว หรือสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีเงินออมเพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
การสำรวจนี้ดำเนินการกับผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 1,000 คนในเดือนธันวาคม พบว่า มีเพียง 44% ของคนอเมริกันเท่านั้นที่ระบุว่าสามารถจ่ายค่าใช้จ่ายฉุกเฉินจำนวน 1,000 ดอลลาร์จากเงินออมของตนได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 43% ในปี 2023 แต่ยังคงอยู่ในระดับเดียวกันเมื่อเทียบกับปี 2022
Brad Klontz นักวางแผนการเงิน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการเงินและพฤติกรรมการเงิน กล่าวว่า “คนเราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อการออม” เนื่องจากสมองของเราถูกโปรแกรมให้โฟกัสไปที่ความต้องการในปัจจุบัน ดังนั้นการออมจึงขัดกับสัญชาตญาณธรรมชาติของมนุษย์
การสำรวจยังเปิดเผยว่า เกือบ 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงทำให้พวกเขามีเงินน้อยลงในการออมเงินสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ในขณะที่เพียง 19% บอกว่าพวกเขากำลังออมเงินมากขึ้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง
Mark Hamrick นักวิเคราะห์เศรษฐกิจอาวุโสที่ Bankrate กล่าวว่า “มีความเปราะบางทางการเงินมากกว่าที่หลายคนเข้าใจ” โดยเฉพาะจากการระบาดของโควิด ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางนี้อย่างชัดเจน
เพื่อสร้างเงินสำรอง เคล็ดลับที่ดีที่สุดคือการเริ่มต้นจากงบประมาณปัจจุบันและปรับการใช้จ่าย โดยคำแนะนำทั่วไปคือการมีเงินออมสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเป็นเวลา 3-6 เดือน เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ทว่าปีแล้วปีเล่า การสำรวจพบว่าการสร้างเงินออมฉุกเฉินยังคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับคนอเมริกันหลายคน
“เพื่อเพิ่มเงินออมฉุกเฉินได้สำเร็จ การเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับเป้าหมายนั้นอาจช่วยได้” Klontz กล่าว และเสริมว่าการจินตนาการอาจช่วยสร้างประสบการณ์ทางอารมณ์ที่สามารถกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ โดยให้จินตนาการถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เช่น ตกงานกะทันหัน
หลายคนมักคิดว่าบัตรเครดิตของตนเป็นกองทุนฉุกเฉิน ซึ่งอาจทำให้พวกเขาต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ย 20% หรือมากกว่า หากใช้ในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและไม่ชำระหนี้ในเดือนแรก นอกจากนี้ หากเก็บเงินสดเกินจำเป็นในบัญชีก็มีแนวโน้มที่คนเราจะใช้จ่ายมากขึ้นด้วย
หนึ่งในวิธีที่อาจช่วยกระตุ้นให้ผู้คนออมเงินได้สำเร็จคือ ชื่อกองทุนฉุกเฉินที่ให้ความหมายทางอารมณ์ เช่น ‘กองทุนความมั่นคงทางการเงิน’ หรือ ‘กองทุนอิสรภาพทางการเงิน’ สิ่งนี้จะทำให้มีแนวโน้มที่จะใช้เงินนั้นไปกินอาหารนอกบ้านน้อยลง ซึ่ง ‘อุปสรรคทางจิตใจ’ นี้อาจช่วยปกป้องเงินในกองทุนฉุกเฉินได้
อ้างอิง:
