รวมเรื่องน่ารู้ เอเชียนเกมส์ 2023 ฉบับ 101

วันที่ 23 กันยายนนี้ จะเป็นพิธีเปิดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 อย่างเป็นทางการ ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน โดยก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้นขึ้น THE STANDARD ขอพาทุกท่านไปรู้จักกับการแข่งขันครั้งนี้

กับคู่มือเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 (ฉบับ 101)

รอบรั้วเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19

หลังจากต้องเลื่อนจัดการแข่งขันในปี 2022 เพราะปัญหาเรื่อง ‘โควิด’ ในที่สุดมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในผืนแผ่นดินเอเชีย หรือเอเชียนเกมส์ ก็กำลังเดินทางเข้าสู่ปีที่ 19 อย่างเป็นทางการ

ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในช่วงวันที่ 23 กันยายน – 8 ตุลาคม 2023 โดยเมืองหางโจว ประเทศจีน รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นนครแห่งที่ 3 ของประเทศจีนที่เป็นเจ้าภาพ (2 ครั้งก่อนหน้านี้คือเมืองปักกิ่ง ปี 1990 และเมืองกวางโจว ปี 2010)

โดยเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะมี 45 ชาติทั่วเอเชียตบเท้าเข้าชิงชัย ซึ่งจะทำให้เอเชียนเกมส์ปีนี้มีจำนวนนักกีฬากว่า 12,500 คน ถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่ามีเพียง 7 ชาติ ประกอบด้วย ไทย, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, อินเดีย, ฟิลิปปินส์ และศรีลังกา ลงแข่งขันเอเชียนเกมส์ครบทั้ง 19 ครั้ง

สัญลักษณ์

สัญลักษณ์ของเอเชียนเกมส์ครั้งนี้มีชื่อว่า ‘Tides Surging’ ถูกดีไซน์ให้มีลายเส้นคล้ายพัดของจีน, ลู่วิ่ง, คลื่นวิทยุ และแม่น้ำเฉียนถัง ซึ่งเป็นแม่น้ำที่อยู่ทางภาคตะวันออกในมณฑลเจ้อเจียงของประเทศจีน โดยแม่น้ำสายดังกล่าวจะไหลลงทะเลจีนตะวันออกที่อ่าวหางโจว

ซึ่งแม่น้ำสายนี้มีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สำคัญและมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวนั่นก็คือ ‘ปรากฏการณ์คลื่นยักษ์เฉียนถัง’ ที่มีความสูงและความแรงติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก โดยจะเกิดขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น สำหรับปรากฏการณ์ดังกล่าวนั้นก็เกิดจากคลื่นในทะเลซัดขึ้นมาในแม่น้ำบริเวณปากแม่น้ำ จนทำให้เกิดพลังแห่งธรรมชาติดังกล่าว

คำขวัญ

‘Heart to Heart, @Future’ คือคำขวัญของการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19

โดย ‘Heart to Heart’ เป็นข้อความที่สื่อถึงประเทศในทวีปเอเชียที่มีความเชื่อมโยงกันทั้งทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม ผู้คนในทวีปแห่งนี้จะมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ส่วนคำว่า ‘@Future’ เป็นการสื่อความหมายที่หมายถึงการผสานเข้าด้วยกันของพลังแห่งเทคโนโลยีดิจิทัลกับผู้คนชาวเอเชีย ที่มีความมุ่งมั่น มีแรงบันดาลใจที่จะสร้างอนาคตข้างหน้าที่ดีกว่าร่วมกัน และมีความเชื่อมั่นในกันและกัน ซึ่งเมื่อรวมกันเป็นคำขวัญดังกล่าวแล้วนั้น ก็สามารถสะท้อนวิสัยทัศน์ของสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ที่ต้องการเห็นทวีปเอเชียร่วมกันพัฒนาและสนับสนุนมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ไปด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์

มาสคอต

มาสคอตประจำการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งนี้คือ ‘หุ่นยนต์กีฬา’ ซึ่งเป็นตัวแทนแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO) ในเมืองหางโจว ทางภาคตะวันออกของประเทศจีน

โดยมาสคอตหุ่นยนต์กีฬามีทั้งหมด 3 ตัว เรียกรวมกันว่า ‘สมาร์ททริปเล็ทส์’ (Smart Triplets) สะท้อนถึงความก้าวหน้าทางอินเทอร์เน็ตของเมืองหางโจวและมณฑลเจ้อเจียง โดยทั้ง 3 ตัวมีชื่อและความหมายดังนี้

คองคอง (Congcong) เป็นตัวแทนของซากเมืองโบราณเหลียงจู่ ชื่อของมันมาจากจี้หยก ‘คอง’ (Cong) ซึ่งถูกขุดพบในซากปรักหักพังของเมือง เมืองโบราณเหลียงจู่มีอายุเก่าแก่นับย้อนไปได้ถึง 5,000 ปี โดยมาสคอตตัวนี้ใช้สีเหลือง ซึ่งเป็นสีของดินและความอุดมสมบูรณ์ของฤดูกาลเก็บเกี่ยวเป็นโทนสีหลัก
เหลียนเหลียน (Lianlian) เป็นตัวแทนของทะเลสาบฝั่งตะวันตก และชื่อของมันมีความหมายถึงทะเลสาบที่เต็มไปด้วยใบบัวที่เขียวชอุ่ม ซึ่งสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและธรรมชาติ
เฉินเฉิน (Chenchen) เป็นตัวแทนของคลองขุดที่เชื่อมระหว่างกรุงปักกิ่งและเมืองหางโจว ชื่อของมันมาจากชื่อสะพานกงเฉิน (Gongchen) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของคลองขุดฝั่งเมืองหางโจว มาสคอตตัวนี้มีสีฟ้า ซึ่งแสดงถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คบเพลิง

‘เปลวไฟนิรันดร์’ คือคบเพลิงประจำหางโจวเกมส์ โดยคณะกรรมการจัดการแข่งขันหางโจวเกมส์ได้เปิดตัวคบเพลิงที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘Eternal Flame’ หรือก็คือเปลวไฟนิรันดร์

โดยการออกแบบนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรม ‘เหลียงจู่’ ที่มีจุดกำเนิดเมื่อ 5,000 ปีที่ผ่านมา โดยแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้ เจ้าภาพเน้นให้ตัวคบเพลิงมีความสง่างามและแฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งตามแบบฉบับของชาวจีน ตัวฐานของคบเพลิงจะมีลักษณะเป็นลายนูน โดยมีเส้นสายทั้งหมด 8 เส้น เพื่อสื่อถึงแม่น้ำสายหลักทั้ง 8 สายในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมจีนโบราณ

สโลแกนเหรียญรางวัล

เหรียญรางวัลประจำการแข่งเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ถูกเรียกว่า ‘ชานฉ่วย’ เป็นเหรียญที่ออกแบบโดย ศาสตราจารย์จางจุนเจี๋ย โดยลวดลายของเหรียญรางวัลนี้จะเป็นรูปทะเลสาบและภูเขา และลักษณะรูปทรงของเหรียญชานฉ่วยนี้ได้แรงบันดาลใจจาก ‘หยกอี้ฉง’ ซึ่งเป็นหยกโบราณที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมเซ่นไหว้ในวัฒนธรรมเหลียงจู่โบราณ โดยตัวเหรียญจะมีรูปร่างเป็นขอบเหลี่ยมด้านนอกตัว เหรียญ

ส่วนด้านในตัวเหรียญนั้นจะยังคงความเป็นวงกลมไว้ เป็นการสะท้อนเอกลักษณ์ทางภูมิศาสตร์ของเมืองหางโจว

ที่ด้านหน้าของเหรียญรางวัลชานฉ่วยจะเป็นภูเขาและทะเลสาบ ‘ซีหู’ ที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยทะเลสาบแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของบทกวีและนิยายชื่อดังมากมายหลายเรื่องของประเทศจีน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่อง นางพญางูขาว นั่นเอง

โดยหน้าเหรียญชานฉ่วยที่มีทะเลสาบซีหูนั้นก็จะมี ‘สะพานสะบั้นรัก’ และโคมไฟที่สร้างเป็นทรงเจดีย์หิน 3 ดวงร่วมอยู่ด้วย

ส่วนด้านหลังของเหรียญรางวัลชานฉ่วยนั้นจะเป็นสัญลักษณ์ของกีฬาเอเชียนเกมส์ตามธรรมเนียมปฏิบัติ

38+2 ชนิดกีฬา

จำนวนกีฬาครั้งนี้ยังคงมีกีฬาระดับสากลอื่นๆ มากมายหลายชนิดถูกบรรจุให้แข่งขันได้ตามปกติ 38 รายการ

แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ การมาของสองชนิดกีฬาในรูปแบบใหม่ ประกอบด้วย อีสปอร์ต ที่ถูกจัดอยู่ใน Mind Sports ซึ่งมีโปรแกรมชิงกันมากถึง 7 เหรียญทอง จากเกม FIFA, PUBG Mobile, Arena of Valor (เวอร์ชัน HOK), Dota 2, League of Legends, Dream Three Kingdoms 2 และ Street Fighter V

และอีกชนิดคือกีฬา เบรกกิ้งหรือเบรกแดนซ์ มีชิง 2 เหรียญทองในประเภทแข่งขันชายและหญิง

โดยสรุปการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 จะมีชนิดกีฬาที่มีในการแข่งขันจำนวน 40 ชนิดกีฬา 61 ประเภทกีฬา รวมทั้งสิ้น 483 รายการแข่งขัน

นักกีฬาดาวดังในทัวร์นาเมนต์นี้มีใครบ้าง

อีกหนึ่งไฮไลต์ของเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ที่แฟนๆ กีฬาจำนวนไม่น้อยอยากรู้กันว่ามีนักกีฬาชื่อดังคนไหนที่จะเข้าแข่งขันครั้งนี้บ้าง

เริ่มจากทีมชาติไทย หลักๆ เราจะได้เห็น วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันเจ้าของแชมป์โลก 2023 คนล่าสุด, เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ดีกรีแชมป์โอลิมปิก โตเกียวเกมส์ 2020 และเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2018 ไปจนถึง บิว-ภูริพล บุญสอน และ คีริน ตันติเวทย์ สองนักวิ่งของไทย ก็จะร่วมล่าเหรียญทองครั้งนี้ด้วย

นอกจากนั้นยังมีกีฬาชนิดใหญ่ๆ อย่างวอลเลย์บอลชาย-หญิง, ฟุตบอลชาย-หญิง และฟุตซอลชาย-หญิง ได้ขนทัพนักกีฬาเข้าแข่งขันกันอย่างคับคั่ง

ส่วนนักกีฬาดาวดังจากประเทศอื่นๆ ที่แฟนกีฬาจะได้ติดตามชมผลงานประกอบด้วย

อันเซยอง นักแบดมินตันหญิงมือวางอันดับหนึ่งของโลกจากเกาหลีใต้
มูตาซ บาร์ชิม นักกระโดดสูงเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกและแชมป์โลก 3 สมัย ที่สร้างโมเมนต์ระดับตำนานด้วยการ ‘แบ่งเหรียญทอง’ กับ จานมาร์โก ทัมเบรี จากอิตาลี จนกลายเป็นที่กล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน
พาน เจนเลอ และ ฮวังซอน-อู สองนักว่ายน้ำจากจีนและเกาหลีใต้ เป็นอีกคู่ที่ถูกจับตามองในการแข่งขันว่ายน้ำ ประเภทฟรีสไตล์ ระยะ 100-200 เมตร
ฟานเจิ้นตง และ ซุนหยิ่งชา สองนักตบเทเบิลเทนนิสมือฉมังจากประเทศเจ้าภาพ ก็จะแข่งขันรายการนี้ด้วย
อีคังอิน แข้งวัย 22 ปีชาวเกาหลีใต้ของสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะติดทีมลงแข่งขันในรายการนี้ ซึ่งเกาหลีใต้อยู่ในกลุ่ม E ร่วมกับทีมชาติไทย, คูเวต และบาห์เรน

เป้าหมายทีมชาติไทย

เอเชียนเกมส์ปีนี้จะมีนักกีฬาไทยจำนวน 940 ชีวิตเข้าร่วมการแข่ง ท่ามกลางการวางเป้าหมายคว้าเหรียญรวมแล้วทั้งสิ้น 15 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน และ 36 เหรียญทองแดง

โดยชนิดกีฬาที่วางเป้าไปถึงเหรียญทองประกอบด้วย ตะกร้อ (4 เหรียญทอง), เอ็กซ์ตรีม, ยิงปืน (2 เหรียญทอง), เทควันโด, ยูยิตสู, อีสปอร์ต, มวยสากล, เรือพาย, เรือใบ และกาบัดดี้ (1 เหรียญทอง)

ช่องทางในการรับชม

แฟนกีฬาชาวไทยสามารถรับชมการแข่งขันแบบจุใจผ่านการถ่ายทอดสดจากทาง 11 สถานีโทรทัศน์ในประเทศไทย ประกอบไปด้วย ช่อง NBT2HD, Thai PBS, ททบ.5 HD (TV5HD), T Sports 7, JKN18, Workpoint TV 23, True4U, GMM25, MCOT HD, Ch7HD และ PPTV HD 36

ซึ่งทั้งหมดจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันถ่ายทอดสดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน และจะแข่งขันไปจนถึงวันที่ 8 ตุลาคมนี้

ขณะเดียวกันแฟนกีฬายังสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการแข่งขัน ผ่านช่องทางออนไลน์ทาง AIS PLAY ได้จนจบการแข่งขันเช่นกัน

และพิเศษกว่านั้น แฟนชาวไทยสามารถรับชมข่าวสาร, โปรแกรมการแข่งขัน, การสรุปเหรียญรางวัล และข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเอเชียนเกมส์ตลอดทัวร์นาเมนต์ผ่านทาง THE STANDARD ทุกช่องทาง

บทความที่เกี่ยวข้อง:

เกาะติดข่าวเอเชียนเกมส์ 2023 สรุปเหรียญรางวัล ได้ที่ เว็บไซต์เกาะติดเอเชียนเกมส์ 2023

อ้างอิง: