- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศจำนวนใบขออนุญาตสร้างบ้านประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นตัวแทนมุมมองด้านภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มผู้ประกอบการ โดยคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 1.32 ล้านหลัง ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.258 ล้านหลัง เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และราคาบ้านที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีกำหนดการประชุมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งยังคงถูกจับตามองถึงแนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง หลังช่วงเดือนก่อนหน้าสามารถบรรลุข้อตกลงจัดตั้ง Recovery Fund ซึ่งเป็นความร่วมมือทางการคลังในสหภาพยุโรปครั้งแรกได้สำเร็จ
- พรรคเดโมแครต ซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาล่าง เตรียมผลักดันเงินช่วยเหลือการไปรษณีย์สหรัฐฯ (U.S. Postal Service หรือ USPS) เพิ่มเติมกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า USPS จะสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการเลือกตั้งผ่านไปรษณีย์กว่า 150 ล้านราย โดยก่อนหน้านี้การไปรษณีย์สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุถึงปัญหาทางการเงิน เนื่องจากมีผู้ใช้บริการลดลงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการ First Class Mail ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา USPS ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้มานานกว่า 5 เดือน โดยก่อนหน้านี้ USPS ได้รับเงินช่วยเหลือตามโครงการ Care Act ไปแล้วกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ แต่ USPS ประเมินว่าจำนวนเงินดังกล่าวจะช่วยให้สามารถดำเนินกิจการได้ต่อไปถึงเพียงเดือนสิงหาคม 2021 เท่านั้น
- เช้าวันนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ว่าทางการจีนต้องการให้แคนาดาปล่อยตัวเมิ่งหว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) ของบริษัท Huawei โดยทันที และให้การรับรองว่าเมิ่งหว่านโจว นั้นจะเดินทางกลับจีนอย่างปลอดภัย พร้อมทั้งระบุว่าการไม่ยอมปล่อยตัวนั้นเป็นการละเมิดสิทธิและผลประโยชน์ของพลเมืองจีน อีกทั้งการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นบนความพยายามกดขี่ Huawei ของสหรัฐฯ โดยมีแคนาดาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรงทางการเมืองระหว่างประเทศ และเป็นสิ่งที่ทั่วโลกต่างเห็นด้วยว่าไม่ถูกต้อง โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ศาลสูงสุดของรัฐบริติชโคลัมเบียเตรียมพิจารณาคดีในวันนี้
- เช้าวันนี้สำนักข่าวเกียวโตรายงานระบุว่า คำอุทธรณ์ของบริษัท นิปปอน สตีล ต่อกรณีการยึดทรัพย์ในเกาหลีใต้ เนื่องจากข้อพิพาทการเรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัทญี่ปุ่นจากการใช้แรงงานชาวเกาหลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นถูกปฏิเสธ เนื่องจากคำอุทธรณ์ดังกล่าวไม่มีมูล อย่างไรก็ตาม การพิจารณาคดีจะยังเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งความไม่แน่นอนต่อกรณีดังกล่าว อาจส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากที่ระอุขึ้นมาก่อนหน้านี้ในปี 2019
- วานนี้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประกาศตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ประจำไตรมาสที่ 2/2020 ออกมาที่ -12.2% (YoY) หดตัวแรงที่สุดในรอบ 22 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง 1998 แต่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ -13% (YoY) ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2020 -9.7% (QoQ) นำโดยภาคการส่งออกที่ -17.8% (QoQ) ส่งผลให้ครึ่งปี 2020 GDP -6.9% (YoY) พร้อมกันนั้นสภาพัฒน์ยังได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยลงเหลือ -7.3% ถึง -7.8% จากเดิมที่ -5 ถึง -6% จากแนวโน้มของนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัว ภัยแล้ง และการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าในระดับที่ต่ำ ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทยอย่างต่อเนื่อง
ภาวะตลาดวานนี้
- ดัชนี Dow Jones ปรับตัวลง ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้น โดยได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ส่งผลให้มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสายการบินที่ได้รับผลกระทบโดยตรง อย่างไรก็ตามยังมีแรงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอยู่ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายแห่งเชื่อว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อย และอาจส่งผลดีด้วยซ้ำ เพราะทำให้ประชาชนต้องทำงานที่บ้าน และต้องทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวในเร็วๆ นี้ โดยนักลงทุนจับตาดูตัวเลขที่สำคัญที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ลดลง รวมทั้งการคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ อาจลดลงอีก ในขณะที่ OPEC+ ยังลดกำลังการผลิตตามเดิม ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นแรงจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงความกังวลที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 27844.91 ลดลง -86.11 (-0.31%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3381.99 เพิ่มขึ้น 9.14 (0.27%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11129.73 เพิ่มขึ้น 110.42 (1%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12915.15 เพิ่มขึ้น 13.81 (0.11%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 6127.6 เพิ่มขึ้น 37.56 (0.62%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3305.95 เพิ่มขึ้น 0.9 (0.03%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19950.5 ลดลง -77.61 (-0.39%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23096.75 ลดลง -192.61 (-0.83%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6076.4 ลดลง -49.8 (-0.81%)
- Shanghai อยู่ที่ 3438.8 เพิ่มขึ้น 78.7 (2.34%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13742.23 เพิ่มขึ้น 253.22 (1.88%)
- China A50 อยู่ที่ 15741.01 เพิ่มขึ้น 341.28 (2.22%)
- Hang Seng อยู่ที่ 25347.34 เพิ่มขึ้น 164.33 (0.65%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12956.11 เพิ่มขึ้น 160.65 (1.26%)
- SET อยู่ที่ 1320.91 ลดลง -6.14 (-0.46%)
- KOSPI อยู่ที่ 2407.49 ลดลง -30.04 (-1.23%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5247.69 เพิ่มขึ้น 8.44 (0.16%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 38050.78 เพิ่มขึ้น 173.44 (0.46%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 6068.78 ลดลง -8.13 (-0.13%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 42.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.76 (1.81%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 45.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.47 (1.05%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1983.9 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 40.14 (2.07%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters