TASTE: Ei-Te x Have a Bagel Day ชวนไปจิบกาแฟ กินเบเกิลในบรรยากาศบ้านสวนที่ภูเก็ต

จากถนนสายหลักในย่านถลาง เมื่อขับรถลอดใต้โครงเหล็กที่มีข้อความ ‘We are local restaurant and slow bar in the garden.’ เข้ามาเพียงไม่กี่สิบเมตร โลกที่เคยจอแจกลับมีชีวิตชีวา เวลาที่เร่งรีบกลับหมุนช้าลง…อย่างไม่น่าเชื่อ จากถนนสายหลักในย่านถลาง เมื่อขับรถลอดใต้โครงเหล็กที่มีข้อความ ‘We are local restaurant and slow bar in the garden.’ เข้ามาเพียงไม่กี่สิบเมตร โลกที่เคยจอแจกลับมีชีวิตชีวา เวลาที่เร่งรีบกลับหมุนช้าลง…อย่างไม่น่าเชื่อ เราพาคุณมาพักกินเบเกิลกันที่ร้าน Ei-Te ซึ่งเป็นอีก อีกหนึ่ง Chapter ของกินกับอี๋ ร้านอาหารพื้นเมืองการันตีรางวัล Bib Gourmand จากมิชลินไกด์การันตีถึง 3 ปีซ้อน

ความหมายของคำว่า ‘อี้-เท้’ ทับทิม-ทิพย์สุดา ขันชัยจตุวิทย์ ผู้สืบทอดตำรับตำราการทำอาหารจากอี๋ ไขข้อข้องใจให้ฟังว่า “อี้-เท้ เป็นภาษาภูเก็ต หมายถึงเก้าอี้เอนนอนที่อี๋ชอบใช้นอนพัก ซึ่งคล้ายกับคอนเซปต์ร้าน เปรียบเสมือน ‘จุดพัก’ ของร้าน จึงเอามาตั้งชื่อร้าน เพราะอยากเรียกเพื่อนนอนเล่น มาพักในช่วงโควิด ไม่ต้องสุขมากก็ได้ แต่ไม่ต้องทุกข์กลับไป

และมันก็ให้ความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพราะทั้งอี้-เท้และกินกับอี๋ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านของทับทิมที่มีต้นไม้น้อยใหญ่แข่งกันเติบโตแย่งแสงอาทิตย์ ทว่าถ้อยทีถ้อยอาศัย พร้อมกับดอกไม้หลากสีผลิบานตามฤดูกาล ไร้การปรุงแต่ง ท่ามกลางบรรยากาศแบบสบายๆ อบอุ่น แต่ร่มเย็น ในแบบที่คุณทับทิมเรียกมันว่า ‘Garden Home’

What to order?

อี้-เท้เริ่มต้นจากการเป็น Slow Bar กับสารพัดอุปกรณ์ Hand Brewing ทั้ง Moka Pot, Aeropress, ROK Espresso และ Drip ก่อนที่จะมีเครื่องทำกาแฟ La Marzocco เข้ามาเสริมทัพ โดยในส่วนของ House Blend (เริ่มต้น 75 บาท) คุณทับทิมเลือกใช้เมล็ดกาแฟจากประเทศลาวของโรงคั่ว Renovate จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วยังมีเมล็ดจากโซนอเมริกาใต้และแอฟริกาให้ได้เลือกด้วย ทั้งจากบราซิล โคลอมเบีย และเอธิโอเปีย โดยเน้นเทสโน้ตที่มีรสพีชเป็นหลัก คั่วโดย Single Origin Store โรงคั่วจากเชียงใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ

ส่วนใครที่ต้องการเติมความสดชื่น ต้องลอง Coffee Sour (90 บาท) กาแฟส้มจี๊ดที่อี้-เท้เลือกใช้ผลไม้ให้รสเปรี้ยวอย่างส้มจี๊ดที่มีวิตามินซีสูงแทนเลมอนกับส้มยูซุที่พบเห็นและนิยมตามร้านทั่วไป หากไม่ดื่มกาแฟ แนะนำ ส้มเก็ตล่าโซดา (90 บาท) หรือส้มจี๊ดในภาษาภูเก็ต ที่ปกติแล้วนิยมนำใช้ทำน้ำชุบ (น้ำพริก) เนื่องจากมีรสเปรี้ยวจัดคล้ายมะนาว เมื่อนำมาทำเป็นเครื่องดื่มก็ซาบซ่าไปอีกแบบ นอกจากเครื่องดื่มแล้วยังมี มินิหมั่นโถว (60 บาท) เมนูของหวานหนึ่งเดียวของกินกับอี๋ เสิร์ฟแบบเสียบไม้เหมือนลูกชิ้น กินคู่กับสังขยาไข่เป็ดสูตรอี๋ซิ้ม ไร้ส่วนผสมของแป้ง หอมหวานกำลังดี เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มาอี้-เท้แล้วห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

มินิหมั่นโถว

Have a Bagel Day

มีวันดี ๆ ได้ด้วยเบเกิล

ไม่ต่างอะไรกับกินกับอี๋ ปุย-วิทิตา ลีลาสุธานนท์ ช่างภาพพอร์เทรตมากฝีมือที่เคยมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติก็เจอคลื่นโควิดเล่นงานเช่นกัน “ช่วงนั้นเราก็ต้องมานั่งคิดว่าจะหาเงินจากไหน ซึ่งปุยมี ‘สมุดความฝัน’ อยู่เล่มหนึ่ง เอาไว้บันทึกว่าเราชอบ-ไม่ชอบอะไร จนเปิดไปเจอโน้ตตอนเรียนอยู่นิวซีแลนด์ เขียนไว้ว่าติดใจเบเกิลของร้าน Best Ugly Bagels ที่โอ๊กแลนด์ ถ้ากลับมาไทยก็ฝันอยากมีฟู้ดทรักสักคัน ตระเวนขายเบเกิลไปทั่วประเทศ จากข้อเขียนตรงนั้นทำให้เราคิดว่า ‘เบเกิลมันเป็นไปได้’”

ปุยเริ่มต้นจากแพสชันเต็มร้อย แต่ความรู้ด้านเบเกิลเป็นศูนย์ “เราเปิดคลิปเรียนเองจาก YouTube ลองผิดลองถูกอยู่ 2 เดือน ตอนอบชิ้นแรกออกมาคือ แข็งโป๊ก” เธอหัวเราะร่า “ก่อนที่จะค่อยๆ ปรับสูตร ชวนเพื่อนต่างชาติมาช่วยชิม ทำ Blind Taste จนได้สูตรที่ลงตัว” ที่ปุยเองเผยเคล็ดลับส่วนหนึ่งว่า “เราต้มแป้งด้วยน้ำผึ้งแบบมอนทรีออล”

แม้จะเริ่มต้นด้วยความรัก แต่ก็ใช่ว่าจะไร้อุปสรรค “เคยปิดร้านไปหนึ่งเดือน เพราะตอนแรกๆ เหมือนยังเข้าถึงคนได้ไม่มาก จนวันหนึ่งมีลูกค้าที่เคยอุดหนุนทักมาสั่งเบเกิลแล้วบอกว่า “You’re the best bagel in Phuket.” มันทำให้เราได้เห็นถึงคุณค่าในสิ่งที่ทำ หลังจากวันนั้นทำให้มีแรงฮึดและได้กลุ่มลูกค้าแบบปากต่อปาก ทำให้คนรู้จักมากขึ้น” นอกจากนั้นปุยยังเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “เคยมีลูกค้าชาวอเมริกันไปรีวิวในกลุ่มเฟซบุ๊ก Phuket Foodies OFFICIAL ว่าเบเกิลของเราเป็น The Perfect Bagel Outside of New York.” ส่วนชื่อ Have a Bagel Day นั้น “แค่อยากจะล้อกับคำว่า Have a Good Day คำอวยพรที่พวกฝรั่งพูดติดปาก เหมือนเป็นการสื่อสารว่า ให้เป็นวันดีๆ จากการได้กินเบเกิลของร้านเรา”

What to order?

ถ้าจะบอกว่า Have a Bagel Day เป็น ‘ตัวจริงเรื่องเบเกิล’ ก็คงจะไม่เกินจริงนัก เพราะด้วยความตั้งใจของปุยที่อยากให้ร้านของตนเองแตกต่างจากร้านขนมอื่นๆ ด้วยการเสิร์ฟ ‘Only Bagel’ ทำให้ตอนนี้ทางร้านมีเบเกิลที่นวด ต้ม อบ สดใหม่แบบวันต่อวันมากถึง 23 รสชาติ โดยมี 3 รสชาติขายดี (กว่าเพื่อน) ได้แก่ Everything (75 บาท) โรยหน้าด้วยงาขาว งาดำ เกลือ ผงกระเทียม ผงหอม เมล็ดป๊อปปี้ และเกล็ดหัวหอมอบแห้ง เรียกได้ว่า Everything สมชื่อ ต่อด้วย Cheddar Jalapeño (90 บาท) เอาใจคนรักชีส อัดชีสแน่นๆ ก่อนเพิ่มรสสัมผัสด้วยพริกเม็กซิกัน ส่วนใครที่อยากกินเป็นของหวาน แนะนำ Cinnamon Raisin (80 บาท) ที่ทั้งหอมและหวานจากอบเชยและลูกเกดสองสี ซึ่งไม่ว่าจะเลือกแบบไหน รับรองว่าเนื้อแป้งเบเกิลของ Have a Bagel Day ทั้งกรอบนอกและเหนียวนุ่มข้างใน ถูกใจคนรักเบเกิลอย่างแน่นอน

Why here?

เมื่อทิมอยากมีขนม และปุยไม่ถนัดกาแฟ

การคงอยู่ของ Ei-Te กับ Have a Bagel Day ในขอบรั้วเดียวกัน เป็นอีกหนึ่ง ‘Perfect Combination’ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของกาแฟกับเบเกิล แต่เป็นการได้เห็นกระแสลม ‘กลับบ้าน’ ของคนรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนา เพื่อแต่งแต้มชีวิตชีวาให้กับบ้านที่พวกเขาเติบโตมา รวมถึงทิศทางของการรวมตัวกันเป็นคอมมูนิตี้การคอลลาบอเรชัน และที่สำคัญกว่านั้นคือการส่งกำลังใจให้กันและกัน รวมถึงการได้เห็นถึงคุณค่าในตัวเอง

“อี้-เท้ มีขนมแค่อย่างเดียว คือหมั่นโถว เราเองอยากมีขนมเข้ามาเสริม จะทำเองก็ไม่ไหว ทีนี้เห็นว่าพี่ปุยทำเบเกิลอยู่แล้ว แล้วพี่ปุยก็เป็นคนคิดบวกตลอดเวลา เลยคิดว่าถ้ามีพี่คนนี้อยู่ในชีวิตก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี” ทิมเล่าให้ฟังถึงการเชื้อเชิญคุณปุยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอี้-เท้ และการเติมเต็มส่วนที่ขาดของธุรกิจ

ส่วนปุยเองทิ้งท้ายเรื่องการเอาชนะตัวเองในช่วงวิกฤติโควิดให้ฟังว่า “พอเราเลือกเบเกิล เลือกแล้วว่าเป็นสิ่งที่ชอบ การตื่นมานวดแป้งตอนตี 3 ในทุกๆ วันเลยไม่ใช่อุปสรรค สำหรับคนมีความฝัน อย่าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ อย่าคิดว่ามีเงินเยอะๆ แล้วค่อยทำ ปุยเริ่มต้นจากเตาอบขนาด 4 ชิ้น ตามกำลังที่มี แล้วค่อยๆ ขยับขยายจนถึงวันนี้ สามารถอบด้วยเตาที่ใหญ่ขึ้นได้ เฉลี่ยวันละ 30 ชิ้น ไม่อยากให้มีข้ออ้าง อย่าเอาข้อจำกัดที่มีมาใช้จำกัดความฝันของตัวเอง”

เรานั่งเอนหลังบน ‘อี้-เท้’ ใต้ร่มเงาของต้นไม้น้อยใหญ่ มองสิ่งที่คนทั้งคู่กำลังทำด้วยความรัก ด้วยท่าทีและท่าทางอันเป็นธรรมชาติ ขณะที่มีลูกค้าเดินเข้า-ออกไม่น้อยจนหงอยเหงา และไม่มากจนเกิดความวุ่นวาย ช่วงจังหวะหนึ่ง เราหวนนึกถึงคำพูดของปุยก่อนหน้านี้ที่ว่า “ถ้าเราทำในสิ่งที่เราชอบก็จะดึงดูดคนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน”…และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ