ถ้าพูดถึงพายหมูแดงสูตรฮ่องกงสูตรเด็ดที่ไม่ต้องไปซื้อไกลถึงฮ่องกง เราจะต้องนึกถึงพาย April’s Bakery เพราะพายร้านนี้สั่งสมชื่อเสียงมานานกว่า 7 ปีแล้ว จากมีเพียงหนึ่งสาขาก็ขยับขยายจนมีถึง 60 สาขาในเมืองไทย อีก 3 สาขาในสิงคโปร์ และมีแผนว่าจะไปเปิดที่ฮ่องกงด้วย ความสำเร็จเหล่านี้เกิดจากเจ้าของอดีตแอร์โฮสเตส อร-ณธนพร เอื้อวันทนาคูณ ที่ก่อร่างสร้างธุรกิจนี้ด้วยความคิดที่ก้าวนำคนอื่นไปหลายช่วงตัว
“สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องคุณภาพของสินค้า เราจะเข้าโรงงานไปชิมพายทุกไส้ทุกเช้า ถ้าเจออะไรที่มันไม่ดี เราก็ไม่ขาย เพราะตัวเราเองยังไม่อยากกินของไม่อร่อย กินของไม่ดี ลูกค้าก็เช่นกัน”
The Starting Point
พื้นเพเราเป็นคนนครสวรรค์ ที่บ้านก็ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง แต่เราไม่ได้ชอบทางนี้ เราก็เลยอยากจะเป็นแอร์โฮสเตส และหลังจากเป็นแอร์โฮสเตสมา 2 ปี เราก็ ออกมาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็เลยลองเปิดร้านกาแฟ ซึ่งตอนนั้น CDC เพิ่งเปิดใหม่ไม่นาน เราก็เปิดร้านเล็กๆ เป็นของตัวเองขนาดร้านประมาณ 15 ตารางเมตรเท่านั้นเอง แล้วก็ทำเค้กไปขาย ซึ่งเราทำโดยที่ไม่เคยเรียนที่ไหนเลย เสิร์ชสูตรเอง ลองทำเอง แต่สถานการณ์ร้านก็ไม่ดีนัก จากที่คิดว่ามันน่าจะไปรอด ก็ไปไม่รอด สู้มาเป็นปีก็ปิดตัวลงแต่เรายังอยากทำธุรกิจอยู่ ก็มา คิดว่าจะทำอะไร ประสบการณ์ของการทำธุรกิจใน ครั้งแรกก็บอกเราว่า เราต้องทำรีเสิร์ช ต้องรู้จักลูกค้า ต้องคิดว่าจะขายใคร
Every Business Needs Research
ประสบการณ์ครั้งนี้สอนเราว่า จริงๆ เราทำอะไรอย่างที่ใจเราต้องการไม่ได้ทุกอย่าง มันต้องมีการรีเสิร์ชลูกค้าอยู่เสมอ แม้แต่แบรนด์ใหญ่ๆ ยังรีเสิร์ชกันเลย เพื่อป้องกันการผิดพลาดว่าสินค้าที่ทำออกมาจะขายใคร ได้บ้าง ธุรกิจเล็กๆ อย่างเราก็ยิ่งต้องทำเช่นกัน เราเริ่มคิดวิเคราะห์ว่า คนไทยเป็นแบบไหน หรือคนละแวกตรงนี้เขาชอบกินอะไรกัน เราถามเพื่อนและดูตัวเลขของทราฟฟิกในแต่ละพื้นที่ ซึ่งคำตอบก็คือห้างสรรพสินค้า จากที่เราเคยทำขนมเค้กไปขายที่ร้าน เราก็สานต่อ ธุรกิจนี้เลย ซึ่งเมื่อ 7 ปีที่แล้ว April’s Bakery ก็นับว่าเป็นเบเกอรีแบรนด์แรกๆ ที่เข้าไปเปิดในห้างสรรพสินค้า
The Moment of Change
พอเปิดร้านที่ห้างได้ เราก็ขายเค้ก ขายขนม ซึ่งมันก็ยังไปได้ไม่ดีเท่าไร จนมีโอกาสได้ไปลองพายหมูแดง ที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นพายจากโรงแรมที่ไม่มีในเมนู เราต้อง โทรสั่งเท่านั้น เรารู้สึกว่ามันพิเศษมาก แถมยังอร่อยมากด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำขาย พอสู้ไม่ไหวก็เลยต้องลองทำดู ตอนนั้นเราใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการคิดสูตรและออกมาขายในร้าน แม้ว่าช่วงแรกที่เอาพายหมูแดงไปขายที่ร้านจะขายได้แค่วันละ 20 กว่าชิ้นเท่านั้น แต่เราก็มีความมั่นใจว่าสินค้าตัวนี้มันต้องไปได้ ซึ่งมันก็เป็นไปได้จริงๆ ด้วยลักษณะการบอกต่อแบบปากต่อปาก เพราะยุคนั้นก็ยังไม่มีโซเชียลมีเดียที่จะมาช่วยโปรโมต
Franchise Opportunities
หลังจากมีคนพูดปากต่อปากไปเรื่อยๆ จนมีลูกค้า คนหนึ่งซื้อแฟรนไชส์เราไป หลังจากขายไปเจ้าแรกก็มีคนโทรมาขอซื้อแฟรนไชส์เยอะมาก มันเลยกลายเป็นช่วงที่เราขยายเเฟรนไชส์เร็ว ซึ่งวิธีบริหารเเฟรนไชส์ ของเราคือ การดูแลเอาใจใส่อย่างดี ควบคุมคุณภาพสินค้า โดยส่งพายจากโรงงานกลางเท่านั้น ทำการตลาดประชาสัมพันธ์ให้อย่างเต็มที่ เพราะเราอยากให้เราโตไปด้วยกัน จนปัจจุบันก็มีประมาณ 60 สาขา แล้วปีนี้ ก็เพิ่งเปิดสาขาที่สิงคโปร์ด้วย
Don’t Follow the Flow
ใครมาเลียนแบบเรา เราก็ต้องปรับตัวและต้องคิดนำ ตลอดเวลา แต่โชคดีว่าถ้าพูดถึงพายหมูแดง คนก็จะนึกถึงแบรนด์ของเราเป็นเจ้าแรก เรามองคู่แข่งหรือคนที่เลียนแบบเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมันไม่มีสินค้าไหนหรือธุรกิจใดที่ไม่โดนเลียนแบบ แล้วยิ่งเป็นขนมด้วย ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้มันเป็นเทรนด์เปิดร้านขนม ทุกคนทำขนมได้ แล้วธุรกิจแรกๆ ของเด็กรุ่นใหม่ก็เป็นการเปิดร้านเบเกอรี ขายในโซเชียลมีเดียแบบไม่ต้องมีหน้าร้านก็ได้ แต่ก็ล้มหายตายจากกันไป เพราะความอยู่ไม่ทน
The Effect of Social Media
มีโซเชียลมีเดีย มันมาเร็ว แต่มันก็จบเร็วเหมือนกัน เราอยากอยู่ไปเรื่อยๆ นิ่งๆ มีคุณภาพ และทำให้คนอยากกินขนมของเราตลอดเวลาดีกว่า เราไม่อยากให้สินค้าของเราเป็นเทรนด์หรือเป็นกระแส เราไม่อยากให้พายหมูแดงของเราเป็นเหมือนมาการองที่มาแป๊บเดียวก็หายไป เราไม่อยากเป็นแค่กระแส แต่อยากอยู่ไปเรื่อยๆ ในใจของทุกคนดีกว่า
Do’s
แม้ธุรกิจของเราจะอยู่ ได้ แต่ถ้าเราหยุดพัฒนา ตัวเอง เราก็จะอยู่แค่ จุดนั้นตลอดไป เราต้องหมั่นพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
Don’ts
ธุรกิจที่เป็นเทรนด์ เรารู้สึกว่ามันจะมาแป๊บเดียวแล้วก็ไป ดังนั้นอย่าทำ ธุรกิจอะไรที่เป็นเทรนด์หรือทำตามๆ กันไปเพียงหวังกระแสของโซเชียล มีเดีย เพราะวันหนึ่งก็จะมีสิ่งอื่นมาแทน