บิดเข็มนาฬิกาย้อนเวลากลับไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ชายชาวออสเตรียได้เดินทางมาประเทศไทย ซึ่งด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในแบบของประเทศที่ใกล้เส้นศูนย์สูตร บวกกับความอ่อนล้าจากการเดินทางทำให้เขาต้องการอะไรสักอย่างที่จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยขึ้นมา
ไม่ว่าอะไรดลใจก็ตาม ดีทริช เมเทสซิทซ์ ได้พบกับ ‘กระทิงแดง’ เครื่องดื่มขวดเล็กๆ ที่รสหวานบาดคอแต่หอมอย่างน่าพิศวง และที่สำคัญคือมันช่วยทำให้เขากลับมารู้สึกดีกระชุ่มกระชวยอีกครั้งได้อย่างน่าอัศจรรย์
เครื่องดื่มนี้เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในหมู่ของคนขับรถบรรทุก ซึ่งต้องขับรถเป็นระยะทางไกลแสนไกล เหนื่อยแสนเหนื่อย น้ำตาลที่อัดแน่นในรูปแบบของเหลวที่อยู่ในขวดมีส่วนช่วย ทำให้พวกเขารู้สึกมีพลังมากพอสำหรับการเดินทางนั้น
เมื่อดื่มหมดขวดนั้นเมเทสซิทซ์รู้ทันทีว่าเขาค้นพบ Holy Grail เข้าแล้ว และสิ่งนี้ไม่ควรจะมีอยู่แค่ในประเทศไทย มันไปได้ไกลเท่าที่ใจต้องการเลย
นั่นคือจุดเริ่มต้นของ ‘Red Bull’ เครื่องดื่มชูกำลังระดับตำนาน ที่เมเทสซิทซ์ได้ขอพบกับ เฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของกระทิงแดงในช่วงเวลานั้นด้วยความปรารถนาจะนำเครื่องดื่มชูกำลังนี้ไปให้ชาวยุโรปได้รู้จักบ้าง โดยเชื่อว่าพวกเขาจะหลงรักมันไม่ยากเหมือนที่เจ้าตัวเองรู้สึก
เมเทสซิทซ์ทำได้สำเร็จ เขาซื้อหุ้นใน Red Bull 49% และได้สิทธิ์ในการบริหารจัดการในระดับโลก (Global Management Rights) และพร้อมแล้วสำหรับการจะนำกระทิงแดงไปปรากฏตัวสู่สายตาของชาวโลก
เพียงแต่ Red Bull ไม่มีทางเป็น ‘เครื่องดื่มยามเช้า’ ของคนยุโรปหรืออเมริกันได้เหมือนกาแฟ ซึ่งหยั่งรากฝังลึกในวัฒนธรรมของพวกเขามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และเขาไม่คิดว่ากลุ่มลูกค้าจะเป็นแค่คนขับรถบรรทุกเท่านั้น มันควรจะเป็นเครื่องดื่มสำหรับทุกคน
เมเทสซิทซ์จำเป็นต้องหาวิธีที่จะทำให้เครื่องดื่มนี้อยู่ในใจผู้คนให้ได้ และตรงนี้เองที่ทำให้เรื่องสนุก
เขาเลือกจะเล่าเรื่อง Red Bull ผ่าน ‘กีฬา’
ดีทริช เมเทสซิทซ์ ติดตามทีมกีฬาของเขาเสมอ
จากคนขับรถบรรทุกธรรมดา พรีเซนเตอร์คนแรกของ Red Bull กลายมาเป็นคนขับรถฟอร์มูลาวันอย่าง แกร์ฮาร์ด แบร์เกอร์ นักขับเอฟวันชาวออสเตรียคนบ้านเดียวกัน โดยในข่าวประชาสัมพันธ์นั้นยังมีการบอกว่า เครื่องดื่มนี้เป็นเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า เหมาะสำหรับนักผจญภัย
Red Bull คือการ ‘ก้าวข้ามขีดจำกัด’ และเมเทสซิทซ์ได้นำคอนเซปต์นี้มาต่อยอดด้วยการคิดค้นรายการแข่งขันกีฬาที่เรียกว่า Red Bull Dolomitenmann ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาเอ็กซ์ตรีมหลายประเภทรวมกัน ตั้งแต่วิ่ง จักรยาน พายเรือคายัค และพาราไกลดิง ที่ล้วนท้าทายขีดความสามารถของผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น และเป็นที่มาของการสนับสนุนกีฬาเอ็กซ์ตรีมอย่างเป็นทางการ จนเป็นภาพจำแรกของแบรนด์ในวงการกีฬา
หลังจากนั้นไม่นาน Red Bull ได้มี Tagline อมตะ “It gives you wings” เกิดขึ้น ซึ่งหนึ่งในการทำให้เห็นภาพชัดเจนที่สุดคือภาพยนต์โฆษณาขนาดสั้นเป็นแอนิเมชัน ว่าด้วยเรื่องราวของมนุษย์ออฟฟิศธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังเดินไปที่ไหนสักที่ ก่อนที่จะมีนกตัวแสบบินผ่านมา และปล่อยของเสียใส่หนุ่มออฟฟิศผู้โชคร้ายคนนั้น
หลังจากหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดทำความสะอาด ชายหนุ่มก็เปิดกระเป๋าของเขาออกมา ซึ่งในนั้นมีเครื่องดื่ม Red Bull อยู่ เขาเปิดฝาและยกขึ้นมากระดกเอื๊อกๆ แล้วจู่ๆ ก็มีปีกงอกออกมา
ชายหนุ่มโบยบินขึ้นไปบนฟ้าอยู่เหนือเจ้านกตัวแสบผู้โชคร้าย ก่อนที่จะปลดเข็มขัด และกางเกงของเขาลงแล้วเตรียมที่จะ…
ภาพก็ตัดมาที่กระป๋อง Red Bull พร้อมกับข้อความว่า “Red Bull give you wiiings”
เฟลิกซ์ บวมการ์ตเนอร์ เหินหาวผ่านช่องแคบโดเวอร์เมื่อปี 2003
มันเป็นช่วงที่ดูเหมือนเมเทสซิทซ์จะพบแล้วว่า ‘ปีก’ นี่แหละคือสิ่งที่จะเล่าเรื่องราวของ Red Bull ได้ดีที่สุด จึงนำไปสู่การสนับสนุนอีเวนต์ให้ เฟลิกซ์ บวมการ์ตเนอร์ นักดิ่งพสุธาผู้ท้าทายความตายชาวออสเตรีย (คนบ้านเดียวกันอีกครั้ง) กระโดดจาก ‘Cristo Redentor’ (Christ the Redeemer) รูปปั้นพระเยซูคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2001 ก่อนที่จะให้บวมการ์ตเนอร์เหินหาวผ่านช่องแคบโดเวอร์ด้วยปีกคาร์บอนที่ยึดติดบนหลังของเขาในอีก 2 ปีต่อมา
Red Bull ยังจัดอีเวนต์การแข่งขันบินสำหรับบุคคลทั่วไปที่ประดิษฐ์เครื่องมือที่จะทำให้โบยบินบนท้องฟ้าไปลงที่ทะเลสาบได้ด้วย
อย่างไรก็ดีเขาไม่ได้จำกัด Red Bull เอาไว้แค่เรื่องของอีเวนต์ผาดโผนแค่เท่านั้น เมเทสซิทซ์เดินหน้าเรื่อง Sport Marketing อย่างเต็มตัวโดยให้ Red Bull ค่อยๆ เข้ามาปรากฏตัวในกีฬาประเภทต่างๆ และเดินตามตำราของ Nike ที่เคยสร้าง ‘Swoosh’ หรือปีกของเทพี Nike ให้กลายเป็นที่รู้จักและจดจำของคนทั่วโลก
เครื่องดื่มหวานซ่า (Red Bull มีการปรับปรุงรสชาติให้ถูกปากชาวโลกมากขึ้น และวางโพสิชันของแบรนด์เอาไว้สูง) สามารถปรากฏตัวได้ทุกที่ตั้งแต่สนับสนุนการแข่งขันปิงปอง เพราะเป็นกีฬาที่เล่นกันเร็ว มีไดนามิก และเล่นกันได้ทุกหนทุกแห่ง ไปจนถึงกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงอย่างรถแข่งฟอร์มูลาวันและฟุตบอล
โดยที่จุดยืนของพวกเขายังเหมือนเดิม ในการทำให้ทุกคนคิดถึงเรื่องของ ‘พลัง’ ‘ปีก’ (อิสระ) และ ‘ความกล้าหาญ’
ทีมรถแข่ง Red Bull Racing ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของวงการมอเตอร์สปอร์ตได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เช่นเดียวกับในวงการฟุตบอลที่ Red Bull ได้เข้ามามีอิทธิพลสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากสโมสรฟุตบอลในออสเตรียที่ซื้อกิจการของ เอสเฟา ออสเตรีย ซัลซ์บวร์ก ในปี 2005 ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น เรดบูล ซัลซ์บวร์ก ซึ่งกลายเป็นสโมสรฟุตบอลอันดับหนึ่งของออสเตรียในเวลาต่อมา
แอร์เบ ไลป์ซิก หนึ่งในสโมสรที่ Red Bull ก่อตั้งขึ้น
จากนั้นได้ขยาย ‘อาณาจักร’ โดยบุกเยอรมนีในการก่อตั้งทีมฟุตบอลราเซินบอลสปอร์ต ไลป์ซิก หรือ RB ไลป์ซิก (ซึ่งคนมักจะเข้าใจว่า RB คือ Red Bull ไปแล้ว) ที่กลายมาเป็นทีมระดับชั้นนำของบุนเดสลีกา โดยมี RB ซัลซ์บวร์กเป็นทีมสนับสนุน (Feeder Club) คอยส่งนักเตะฝีเท้าดีขึ้นชั้นมาเล่นในลีกระดับที่สูงกว่า
โมเดลนี้ยังถูกต่อยอดอีก โดยปัจจุบัน Red Bull มีสโมสรฟุตบอลในเครือที่สหรัฐอเมริกา บราซิล และมีทีมน้องเล็กในออสเตรีย กลายเป็น Empire ของฟุตบอลที่สโมสรใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซีเริ่มทำตาม
เรียกได้ว่าเครื่องดื่มขวดเดียวที่ ดีทริช เมเทสซิทซ์ ได้ดื่มในประเทศไทยเพราะความอ่อนเพลีย ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างตำนานเครื่องดื่มระดับโลกที่เข้าถึงใจของผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างน่ามหัศจรรย์
เมเทสซิทซ์เพิ่งจากโลกไปเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าเขาจะติดปีกให้ตัวเองเพื่อขึ้นค้นหาความท้าทายใหม่ต่อไปเรื่อยๆ บนฟากฟ้า
เหมือนที่ติดปีกในใจให้ผู้คนทั่วโลกผ่านเครื่องดื่มให้พลังงานธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรมากกว่าน้ำตาล ทอรีน และคาเฟอีน แต่กลับสามารถพาทุกคนไปได้ไกลกว่า สูงกว่า และเร้าใจยิ่งกว่า ผ่านการเล่าเรื่องด้วยเกมกีฬาที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและไฟฝัน