คอเนอร์ โรเบิร์ตส์ กองหลังทีมชาติเวลส์พูดเปรียบเปรยเอาไว้น่าฟัง (และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกน้อยใจนิดหน่อย) ว่าในเกมยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่จะลงสนามนัดแรกคืนนี้ ทีมของเขาจะได้รับแรงใจจากกองเชียร์ทั้งโลกแค่เพียง 1% เท่านั้น
เพราะอีก 99% โรเบิร์ตส์เชื่อว่าจะเทใจให้กับเดนมาร์ก ทีมที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากที่สุดของการแข่งขันในครั้งนี้
ในความเป็นจริงแล้วตัวเลขสถิติของโรเบิร์ตส์นั้นไม่น่าจะมีทางเป็นความจริงไปได้ และเวลส์เองก็เป็นหนึ่งในทีมที่กองเชียร์ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (เช่นผู้เขียน) พร้อมจะเชียร์เสมอเนื่องจากเป็นทีมชาติที่เล่นแบบทีมชาติจริงๆ เหมือนฟุตบอลในวันวาน ต่อให้ตัวผู้เล่นจะไม่ได้ดีเด่นอะไรมากมาย แต่เมื่อรวมกันทุกคนสู้ด้วยหัวใจแล้ว เล่นอย่างไรก็น่าเชียร์
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปีนี้เรื่องราวของเดนมาร์กมันจับใจผู้คน โดยเฉพาะกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ คริสเตียน อีริกเซน จอมทัพหมายเลขหนึ่งของทีมที่เกือบต้องจากไปกลางสนามฟุตบอล
ภาพของนักเตะเดนมาร์กที่ยืนเป็นโล่สีแดงปกป้องอีริกเซนในระหว่างที่แพทย์กำลังช่วยชีวิต ช่วงเวลาของการต่อสู้เพื่อกระชากตัวเขากลับมาจากพญามัจจุราช มันได้เกี่ยวกระหวัดรอยรัดหัวใจของผู้คนทั้งโลกให้เอาใจช่วยทั้งอีริกเซนและนักเตะทีมนี้
“สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมากด้วยกันนั้นเราเรียกกันว่า ‘Trauma Bonding’ (อาการผูกพันกับสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดหรือทรมาน) ซึ่งมันทำให้ทีมนี้ยิ่งมีความใกล้ชิดกันมากขึ้นเพราะผ่านช่วงเวลามาด้วยกัน” ดร.กิลเลียน คุก นักจิตวิทยาการกีฬาของสโมสรดันดี ยูไนเต็ด และสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย จอห์น มัวร์ส ในเมืองลิเวอร์พูลเผย
“สิ่งที่เราจะพบจากเหตุการณ์เหล่านี้คือคุณค่าของผู้คน และความรู้สึกตั้งใจนั้นจะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก มันจะทำให้เราทำทุกอย่างเหมือนเริ่มต้นใหม่และมีความตั้งใจที่แรงกล้ามาก
“คริสเตียน อีริกเซน บอกในตอนนั้นว่าทุกคนในทีมจะต้องทำเพื่อชาวเดนมาร์ก ดังนั้นผมคิดว่าพวกเขาจะมีความตั้งใจอย่างมาก มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ได้ ไม่ว่าจะเพื่อตัวของคริสเตียนหรือเพื่อเดนมาร์กเองก็ตาม”
และหลักฐานหนึ่งที่เราได้เห็นคือฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในเกมที่เดนมาร์กถล่มรัสเซีย 4-1 ในนัดสุดท้ายของรอบแรกที่ทำให้พวกเขาได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป โดยหลังจบเกมทุกคนได้ร่วมฉลองกันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะนักฟุตบอลหรือแฟนบอล
แจน โมลบี อดีตนักเตะทีมชาติเดนมาร์กและทีมลิเวอร์พูลกล่าวถึงวันนั้นว่า “ภาพของนักเตะเดนมาร์กที่ฉลองในสนามร่วมกันนั้น ผมคิดว่ามันเป็นภาพประจำการแข่งขันรอบแรกได้เลย มันให้ความรู้สึกคล้ายกับว่าฟุตบอลได้กลับมาแล้ว
“ฟุตบอลมันคือเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก และเราก็ได้สัมผัสสิ่งนี้ในเกมเดนมาร์กกับรัสเซีย”
และอีกหนึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เพิ่งจะมีการเปิดเผย และอาจจะยิ่งทำให้หลายคนมีความรู้สึกที่แรงกล้ามากขึ้นไปอีกกับทีมนี้คือการปรากฏตัวอีกครั้งของ คริสเตียน อีริกเซน
เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก แคสเปอร์ ชไมเคิล กัปตันทีมและเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งของเขาที่เปิดเผยว่าเมื่อกองกลางวัย 29 ปีได้รับอนุญาตให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านหลังจากที่มีการผ่าตัดติดตั้งเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ (ICD) สิ่งแรกที่เขาทำคือการกลับมาหาทุกคนในแคมป์
“ผมคิดว่าหลายๆ คนกอดเขาแรงทีเดียว” ชไมเคิลเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง “แต่การได้พบกันอีกครั้งมันเป็นเรื่องที่ดีมาก มันดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจของทีม
“เขามาที่สนามซ้อมตอนที่เรากำลังจะลงไปซ้อม มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมาก การได้พบกันอีกครั้งเป็นสิ่งที่น่ายินดี ผมโชคดีมากที่ได้เจอกับเขาก่อนตั้งแต่ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล ได้พบกับเขาที่นั่น แต่มีอีกหลายๆ คนที่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับเขา การซ้อมเลยหยุดเพราะทุกคนวิ่งไปหาอีริกเซนกัน”
ช่วงที่อีริกเซนกลับมาหาทุกคนนั้นเกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่เดนมาร์กเพิ่งจะแพ้เบลเยียมแบบน่าเสียดาย และการกลับมาของเขาเหมือนเป็นการปลดล็อกบางอย่างให้กับทีมก่อนที่จะลงเล่นเกมชี้ชะตากับรัสเซีย
“การได้เห็นเขาจริงๆ ได้เห็นว่าเขาโอเคนั้นสำคัญมากๆ มันทำให้เรามีพื้นที่ว่างในใจเหลือ เรากลับมามีสมาธิกับเกมได้ ซึ่งถึงเราจะอยู่ใต้สถานการณ์กดดันทางเกมฟุตบอล แต่จะเห็นได้เลยว่าเราไม่ได้เล่นเหมือนทีมที่กดดันเลย
“เราเล่นอย่างอิสระและมีเอกลักษณ์ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราพูดกันมานานมากๆ แล้ว และผมก็ภูมิใจกับทุกคนมากด้วย”
ดังนั้นถึงจะไม่ใช่ทีมเต็งอะไร แต่ด้วยขวัญและกำลังใจที่กลับมา ซึ่งต้องขอบคุณอีริกเซนด้วย เดนมาร์กพร้อมที่จะกลับมาทุ่มเทเต็มที่ในสนามอีกครั้ง
ไม่มีใครบอกได้ว่าพวกเขาจะสามารถสร้างเทพนิยายได้เหมือนเมื่อ 29 ปีก่อนไหม และมันก็ดูเป็นเรื่องยากเพราะฟุตบอลยูโรในปี 1992 กับ 2021 มีความแตกต่างกันอย่างมากทั้งในแง่ของจำนวนทีม บรรยากาศ และคุณภาพของทีมที่เข้าแข่ง
แต่อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ไม่มีอะไรจะเสีย
และทีมแบบนี้คือทีมที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่ง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2021/06/25/football/christian-eriksen-kasper-schmeichel-denmark-euro-2020-spt-intl/index.html
- https://www.bbc.com/sport/football/57590466
- https://www.bbc.com/sport/football/57595280
- https://www.theguardian.com/football/2021/jun/25/hes-become-a-friend-how-kasper-hjulmand-led-denmark-through-crisis