×

โควิด-19 งานวิจัยช่วยไขปริศนา ทำไมเราถึงหยุดเอามือจับหน้าไม่ได้ และจะทำอย่างไรดี

17.03.2020
  • LOADING...

กินร้อน ช้อนส่วนตัว รักษาระยะห่าง ไม่จับใบหน้า ล้างมือบ่อยๆ อาจกลายเป็นคำขวัญประจำใจช่วงไวรัสโคโรนากำลังไปเยี่ยมเยือนทุกที่บนโลก แต่ในทางปฏิบัติดูเหมือนว่าสิ่งที่ทำได้ยากเหลือเกินคือการหยุดเอามือไปจับหน้านี่ล่ะ 

 

เราต่างรู้ดีว่าการป้องกันการติดต่อของโควิด-19 อย่างหนึ่งคือไม่ควรเอามือไปจับหน้า โดยเฉพาะตา จมูก ปาก เพื่อหลีกเลี่ยงการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเหมือนเราจะเผลอจับหน้าจับตาโดยไม่รู้ตัวอยู่ตลอด ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น งานวิจัยเหล่านี้มีคำตอบ

 

ย้อนไปในปี 2015 American Journal of Infection Control ได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่ทำการศึกษากลุ่มนักเรียนแพทย์ 26 คนระหว่างชั่วโมงเรียนในมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ พบว่านักเรียนใช้มือจับใบหน้า 23 ครั้งต่อชั่วโมงต่อคน โดยเป็นการจับริมฝีปาก 36% จมูก 31% และดวงตา 27% ส่วนอีก 6% เป็นการสัมผัสใบหน้าบริเวณอื่น

 

ผลสรุปออกมาเช่นเดียวกับวารสารทางวิชาการ Brain Research ในปี 2014 ที่ตีพิมพ์หัวข้อ ‘การสัมผัสใบหน้าตามธรรมชาติทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าสมอง’ งานวิจัยจากประเทศเยอรมนีที่ได้ทำการตรวจสอบคลื่นสมองของคนหนุ่มสาวขณะที่พวกเขากำลังทำแบบทดสอบความจำด้วยการเปิดลำโพงดังๆ ในช่วงหนึ่ง ผลพบว่าการได้รับเสียงรบกวนทำให้พวกเขาเผลอจับจมูก แก้ม หรือคาง ซึ่งตรงกับการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมองที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ซึ่งการจับใบหน้าตามธรรมชาติมีผลช่วยให้คนเราควบคุมอารมณ์ได้

 

หรือสังเกตง่ายๆ จากชีวิตรอบตัว เรามักจะเห็นเด็กทารกที่เกิดมาก็รู้จักการเอามือไปจับใบหน้าแล้ว หรือสัตว์เลี้ยงแสนรักทั้งแมวและหมาที่มักเอามือมาเกี่ยวข้องกับใบหน้าอยู่บ่อยๆ นี่คือเหตุผลที่อธิบายได้ว่าการที่เรายังคงเผลอเอามือไปจับใบหน้าไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร 

 

ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดี

Slightly Robot จากซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ได้มองหาคำตอบเพื่อช่วยลดการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาด้วยการสร้าง Immutouch สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่จะสั่นทันทีเมื่อผู้สวมใส่กำลังยกมือขึ้นแตะใบหน้า ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เพิ่งคิดเพิ่งทำ แต่ Slightly Robot เริ่มต้นสร้างสรรค์นวัตกรรมมากว่า 3 ปีแล้ว โดยสายรัดข้อมือแต่แรกเริ่มนั้นใช้สำหรับป้องกันพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เช่น กัดเล็บ แกะสิว ดึงผมเล่น จนเมื่อเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 พวกเขาจึงพัฒนา Immutouch เพื่อใช้แก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

 

สำหรับคนทั่วไปที่คิดว่าสายรัดข้อมืออัจฉริยะดูเป็นการแก้ปัญหาที่เกินเรื่องไปหน่อย ก็ยังสามารถเลือกใช้ทางสายกลางเบื้องต้นคือการหมั่นล้างมือให้บ่อยจนติดเป็นนิสัย ก็ช่วยลดการรับเชื้อโรคได้ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง 

 

อีกประการคือการนึกถึงคนใกล้ตัวเข้าไว้ กรณีนี้จะช่วยให้เราตั้งใจในการดูแลรักษาความสะอาดของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ประเด็นนี้อธิบายได้จากการที่นักจิตวิทยากลุ่มหนึ่งได้ร่วมกันทดลองชักจูงผู้คนเกี่ยวกับการล้างมือในที่ทำงาน เริ่มจากบุคลากรที่ทำงานในโรงพยาบาล ทีมวิจัยได้ทำการติดป้ายเตือนล้างมือในห้องน้ำของโรงพยาบาลด้วยข้อความว่า “มือสะอาดช่วยป้องกันคุณจากเชื้อโรค” ซึ่งผลปรากฏว่าสบู่เหลวล้างมือในห้องน้ำไม่ได้ลดลงจากปกติ จากนั้นทีมวิจัยได้เปลี่ยนป้ายเตือนการล้างมือใหม่ โดยใช้ข้อความว่า “มือสะอาดช่วยป้องกันคนไข้จากเชื้อโรค” ผลปรากฏว่าสบู่เหลวล้างมือมีปริมาณลดลงกว่า 45% จากปกติ ส่วนหมอและพยาบาลก็ล้างมือมากขึ้นจากเดิม 11% 

 

นักจิตวิทยาอธิบายความล้มเหลวของป้ายเตือนแรกและป้ายเตือนที่สองว่า หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเราเอง เรามักไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เราใส่ใจ มันมีความคิดว่าอาจเกิดขึ้นได้และเราควรระมัดระวัง

 

ดังนั้นปัญหาการเอามือจับหน้าก็เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุ เราแค่ระแวดระวังไว้ อย่าวิตกกังวลเกินไป และยึดคำขวัญประจำใจที่ว่า “กินร้อน ช้อนส่วนตัว รักษาระยะห่าง ไม่จับใบหน้า ล้างมือบ่อยๆ” ก็เพียงพอในการดูแลตัวเองระหว่างที่โควิด-19 กำลังเข้าใกล้ตัวเราขึ้นมาทุกที

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising