×

สงครามการค้าเดือด จีนเจอทั้งศึกนอกศึกใน! จับตา CEO ระดับโลกจ่อตบเท้าเข้าพบสีจิ้นผิง หวังทวงคืน FDI

20.03.2025
  • LOADING...
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในการเตรียมพบซีอีโอระดับโลกที่ China Development Forum ท่ามกลางสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงและ FDI ที่ลดลง

นักธุรกิจชั้นนำระดับโลกเตรียมเข้าพบสีจิ้นผิงในช่วงที่จะมีการประชุม China Development Forum ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-24 มีนาคมนี้ ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลจีนที่ต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยักษ์ใหญ่กลับคืนมา หลังจีนเปิดการประชุมสองสภาที่ตั้งเป้าปี 2025 จะผลักดัน GDP 5% ซึ่งอาจไม่ง่าย เนื่องจากเศรษฐกิจภายในยังไม่ฟื้น ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ บวกกับแรงกดดันจากภาษีใหม่ทรัมป์ 2.0

 

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า ล่าสุด หวางเหวินเทา รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีน และตัวแทนการค้า ได้ต้อนรับผู้บริหารกว่าสิบรายจากบริษัทข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็น Airbus, PepsiCo, Procter & Gamble, Honeywell, Swire

 

เรียกได้ว่าช่วงเวลานี้จีนหวังกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเพราะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลดลงถึง 27.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกในปี 2008

 

นอกจากบริษัท 3 ข้างต้น หวางเหวินเทาได้พบกับบริษัทชีวเภสัชของสหรัฐอเมริกาอย่าง Bristol Myers Squibb และ ไมเคิล วอยต์ ซีอีโอของ Hela Group ผู้ผลิตเครื่องเทศและเครื่องปรุงของเยอรมนี รวมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ได้หารือบริษัทเหมืองแร่ Vale จากบราซิล และ เคลลี ปาร์กเกอร์ ซีอีโอของ Rio Tinto เหมืองออสเตรเลีย รวมถึง โอลิเวอร์ เจงกิน ประธาน Visa’s Group และ จอน มูลเลอร์ ประธานและซีอีโอของ P&G

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ทั้งนี้ หวางเหวินเทาระบุว่า Airbus, PepsiCo, Hela Group ของเยอรมนี ให้คำมั่นที่จะกระตุ้นการลงทุนในจีน และแหล่งข่าวรายหนึ่งเผยว่า โอลิเวอร์ ซิปเซ ซีอีโอของ BMW จะหารือรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการลงทุนในจีนต่อเนื่อง

 

ส่วนซีอีโอรายอื่นๆ ยืนยันถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและตลาด พร้อมย้ำว่านโยบายการค้าของจีนกับคู่ค้าทั่วโลก รวมถึงคู่ค้ายุโรป (EU) ยังคงมีเสถียรภาพ ส่วนบริษัทอเมริกันที่อยู่ภายใต้การสอบสวนหรือตรวจสอบโดยทางการจีนอย่าง Google, Illumina, PVH และ Walmart ไม่อยู่ในรายชื่อ

 

ขณะที่รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะเร่งกระตุ้นการบริโภคอย่างจริงจัง ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา

 

ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า จีนเตรียมจัดงานประชุมพัฒนาโครงการเรือธงประจำปีในเดือนนี้ ซึ่งเป้าหมายหลักคือดึงดูดซีอีโอต่างชาติ และคาดว่าบรรดาซีอีโอจะเข้าพบกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงด้วย

 

โดยการประชุมที่จะถึงนี้คือ China Development Forum จัดขึ้นในวันที่ 23-24 มีนาคม ที่ Diaoyutai State Guesthouse กรุงปักกิ่ง โดยเบื้องต้นคาดว่าบรรดาซีอีโอของบริษัทชั้นนำระดับโลกจากหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น FedEx, Siemens, BMW และ Mercedes-Benz รวมไปถึง Qualcomm (ออกแบบชิป) AstraZeneca, Saudi Aramco, Rio Tinto (เหมืองแร่) และอีกหลายราย จะเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งต้องจับตาว่าท่ามกลางสงครามการค้าปีนี้จีนจะดึงดูดการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน

 

ศึกนอกศึกในก่อ 3 ความเสี่ยง กด GDP โตต่ำกว่าเป้าที่ 5%

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่า ปัจจุบันแม้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจีนจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่ในปี 2025 เศรษฐกิจจีนยังเผชิญความเสี่ยงหลายด้านเศรษฐกิจโดยเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตที่ 4.6% ต่ำกว่าเป้าที่ 5% เนื่องจากความเสี่ยงดังนี้

 

  1. สงครามการค้ารอบใหม่ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นตลอดทั้งปี ปัจจุบันสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนแล้วทั้งหมด 20% นอกจากนี้ประเทศอื่นๆ เช่น เม็กซิโก ยังมีท่าทีจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอของการเร่งส่งออก

 

  1. การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังมีทิศทางชะลอกดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศ แม้ทางการจะทยอยออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ระดับราคาที่อยู่อาศัย ยอดขาย และการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังปรับลดลง ซึ่งความมั่งคั่งของครัวเรือนในจีนอยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ราว 70%

 

  1. ปัญหาเงินฝืดยังเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคการบริโภค ในการประชุมสองสภาของจีนได้ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2568 ลงอยู่ที่ 2% สะท้อนว่าเงินเฟ้อจีนยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ โดยล่าสุดเงินเฟ้อในส่วนของภาคบริการที่เคยเป็นปัจจัยหนุนสำคัญของเงินเฟ้อจีนได้ปรับลดลง

 

“สงครามการค้ารอบใหม่จะยิ่งกดดันความเสี่ยงด้านเงินฝืดของจีนผ่านราคาผู้ผลิตที่ยังปรับลดลง 29 เดือนติดต่อกัน” นักเศรษฐศาสตร์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุ

 

ขณะที่แผนการกระตุ้นการบริโภคล่าสุดอาจเน้นผลในระยะยาว โดยหลังการประชุมสองสภาทางการจีนได้ออกแผนกระตุ้นการบริโภค (Special Action Plan) ซึ่งรายละเอียดของนโยบายมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศ

 

ในแผนการกระตุ้นการบริโภค (Special Action Plan) ของทางการจีน ได้ระบุถึงแผนในการส่งเสริมการบริโภคทั้งในส่วนของการให้เงินสนับสนุนเพิ่มเติมผ่านโครงการของเก่าแลกของใหม่ (Trade-in Program) และแนวทางการเพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือนผ่านสวัสดิการต่างๆ ดังนี้

 

  1. โครงการของเก่าแลกของใหม่ (Trade-in Program) จะช่วยสนับสนุนยอดค้าปลีกของจีนในปี 2568 โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ ทั้งนี้ ทางการจีนจะใช้เงินจากการออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษจำนวน 300 พันล้านหยวน เพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ประเภทของสินค้าที่ทางการจีนให้การสนับสนุนเป็นสินค้าคงทนจึงอาจทำให้เกิดการเร่งใช้จ่าย และการชะลอตัวของการบริโภคในภายหลัง

 

  1. แนวทางการเพิ่มรายได้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาการเติบโตของรายได้ในจีนชะลอลงหลังมีการปรับลดเงินเดือนในบางภาคส่วน ทางการจีนจึงจะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว เช่น การเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ และการส่งเสริมการอบรมทักษะต่างๆ

 

  1. การเพิ่มสวัสดิการเพื่อสนับสนุนให้เกิดความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อลดอัตราการเก็บออมของครัวเรือน โดยระบุว่าจะมีการพัฒนาสวัสดิการสุขภาพและการดูแลเด็ก

 

  1. แนวทางในการผลักดันด้านอื่นๆ เช่น แนวโน้มการสนับสนุนการขยายแผน Visa-Free ให้กับประเทศต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงสรุปได้ว่า “แผนการกระตุ้นการบริโภคล่าสุดนั้นเน้นการปฏิรูปในระยะยาวมากกว่าการสนับสนุนให้เกิดการบริโภคในระยะสั้น ผลจากมาตรการยังขึ้นอยู่กับรายละเอียดและเม็ดเงินในแต่ละโครงการเพิ่มเติม”

 

ภาพ: Gri-spb / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising