การมาถึงของ ChatGPT ไม่เพียงสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการเทคโนโลยี แต่ยังทลายกำแพงความเข้าใจที่เคยทำให้คนทั่วไปคิดว่า Generative AI เป็นเรื่องเข้าใจยาก
ข้อได้เปรียบของ Generative AI คือสามารถสร้างข้อมูลสังเคราะห์โดยเสริมข้อมูลที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้นได้ ต่างจากอัลกอริทึม AI แบบเดิมที่ต้องพึ่งพาข้อมูลจำนวนมากและไม่สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา จุดนี้เป็นเหมือนไฟดวงแรกที่ทำให้นักพัฒนาเริ่มมองเห็นวิธีเอาชนะข้อจำกัดด้านความพร้อมใช้งานของข้อมูล
แต่สิ่งที่ บริษัท เอสซีบี เดต้า เอกซ์ จำกัด (SCB DataX) ผู้ให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันผ่านการใช้ประโยชน์จาก Big Data, Data Science และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) กำลังพัฒนาอาจพลิกโฉมวิธีจัดการ Data ได้ทรงประสิทธิภาพกว่านั้น
ภคภูมิ สารพัฒน์ หนึ่งในทีม AI Research จาก DataX ได้นำ Demo ของ ‘Chat with your data’ มาแนะนำที่บูท AREA X by SCBX ที่จัดขึ้นในงาน Techsauce Global Summit 2023 งานประชุมด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 16-17 สิงหาคมที่ผ่านมา
ภาคภูมิชวนคนฟังตั้งคำถามถึง Pain Point ของคนสายเทค ทั้งเรื่องความยากในการสร้าง Query ที่สมเหตุสมผลเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตามที่ต้องการ หรือประเด็นสำคัญคือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จักภาษาของ SQL (Structured Query Language)
“ทีมวิจัยของเรานำ Pain Point ต่างๆ มาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการเปลี่ยนแปลงวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล นำมาสู่เทคโนโลยีที่ชื่อ ‘Chat with your data’ เป็นการใช้ประโยชน์จาก Generative AI มาดึงข้อมูลเชิงลึกได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจ SQL ที่ซับซ้อนอีกต่อไป แน่นอนว่า Generative AI คือกุญแจสำคัญของสิ่งนี้ เพราะมันช่วยให้เราทลายข้อจำกัดของเทคโนโลยี แค่ป้อนโปรแกรมว่าอะไรคือข้อมูลที่ต้องการ ระบบจะทำการประมวลผลข้อมูลเชิงลึกที่คุณต้องการได้ทันที”
ภาคภูมิชวนตั้งคำถามว่า ทำไมต้องใช้ SQL ดึงข้อมูลที่ต้องการในเมื่อมีข้อจำกัดเรื่องความชำนาญของผู้ใช้งานและอาจชะงักเมื่อเจอกับโครงสร้างฐานข้อมูลที่ไม่คุ้นเคย?
“ต่อให้คุณรู้จัก SQL ดีและดึงข้อมูลได้อย่างเชี่ยวชาญแต่ก็ยังมี Pain Point นั่นก็คือ เราไม่รู้ว่าโครงสร้างของฐานข้อมูลเป็นอย่างไร หรือ Metadata เป็นอย่างไร แต่ข้อจำกัดที่ว่านี้จะหมดไปด้วย ‘Chat with your data’ ภาคภูมิกล่าว
‘Chat with your data’ ไม่เพียงเข้ามาช่วยให้คนสายเทคที่ต้องทำงานกับ Data ทำงานได้ง่ายและดึงข้อมูลที่มีประสิทธิภาพได้เร็วขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ใครก็ตามที่ต้องการนำข้อมูลมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจก็สามารถดึงข้อมูลที่ซับซ้อนมาใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจ SQL เลย
“ขนาดของ Database ไม่มีปัญหา ตราบใดที่มีข้อมูลก็สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้ เพราะมี Vector Database ที่คอยเช็กคำถามที่ป้อนเข้าไปว่ามีอะไรคล้ายกับข้อมูลเดิม สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ คุณภาพของข้อมูล ต้องมั่นใจว่า Metadata มีคำอธิบายที่ชัดเจน เพราะระบบไม่สามารถรู้คำย่อหรือศัพท์เฉพาะที่แต่ละองค์กรใช้”
ณัฏฐ์ ชูกำแพง หนึ่งในทีม AI Research จาก DataX ช่วยขยายความการนำ Generative AI + Engineering จนกลายเป็น Chat with your data
“แค่มี Generative AI ไม่สามารถสร้างแอปหรือโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้ ‘Chat with your data’ นอกจากเราจะใช้ประโยชน์จาก Generative AI เรายังเพิ่มความต้องการลงไปว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องการจะสื่อ หรืออยากจะทำอะไรกับข้อมูลนั้น แล้วให้มัน Generate Text ออกมาเป็น SQL Programming Language
“หลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับเซอร์วิสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Google Bard หรือ Microsoft Bing ทั้งหมดนี้ใช้เทคโนโลยีของ Large Language Model (LLM) ซึ่งตัว ‘Chat with your data’ ก็ใช้ LLM ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ในรูปแบบหนึ่งที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวกับข้อความเป็นจำนวนมาก เรียนรู้ ประมวลผล แยกแยะประเด็นสำคัญของประโยค การจับใจความประโยคที่ยาว และเชื่อมคำต่อคำได้อย่างธรรมชาติเหมือนที่คนสนทนากันได้ด้วย
แล้วอะไรคือความแตกต่างที่เราจะได้เห็นจาก ‘Chat with your data’ เวิร์กช็อปในวันนั้น ทีม AI Research จาก DataX ตอบข้อสงสัยด้วยการป้อนข้อมูลตัวอย่างในระบบ น่าเสียดายที่ THE STANDARD ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนนั้นได้ ใครที่สนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้เพิ่มเติม สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ https://data-x.ai
“เราเชื่อมั่นว่าการพัฒนา ‘Chat with your data’ จะ Empower ทุกคนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม” ภาคภูมิกล่าวทิ้งท้าย