×

Best Express ถึงจะมาช้าแต่ไม่หวั่นผู้เล่นเก่า พร้อมเบียดขึ้นเป็น ‘จ่าฝูง’ ภายใน 5 ปี

04.08.2020
  • LOADING...

1 ปีกว่าๆ แล้ว Best Express ผู้ให้บริการโลจิสติกส์จากแดนมังกรที่มีเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซ Alibaba อยู่เบื้องหลัง ได้บุกมาเจาะตลาดไทยที่กำลังโตวันโตคืนจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่นิยมการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากยิ่งขึ้นทั้งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดีย

 

ข้อมูลจาก EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ระบุว่าตลาดธุรกิจขนส่งพัสดุมีการเติบโตต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2017-2019) ที่ขยายตัวได้เฉลี่ย 40% ต่อปี โดยในปี 2019 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท และจะเติบโตเป็น 6.6 หมื่นล้านบาทในปี 2020 ตัวเลขดังกล่าวของ EIC เป็นการประเมินปี 2020 หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ช้อปออนไลน์มากขึ้นไปอีก ซึ่งปีนี้ตัวเลขย่อมมีแนวโน้มเติบโตกว่านี้แน่นอน

 

ด้วยความที่ตลาดมีทิศทางเติบโตอย่างหวือหวา ในวันที่ Best Express เข้ามาจึงมี ‘ผู้เล่นเก่า’ ที่ยืนเป็นกำแพงกั้นอยู่แล้วทั้งไปรษณีย์ไทยและ Kerry Express ซึ่งแค่สองรายแรกก็กินส่วนแบ่งมากกว่า 50% ของตลาด ยังมี SCG Express และ Ninja Van เข้ามาก่อน ส่วนที่เข้ามาใกล้เคียงกันมีทั้ง Flash Express ซึ่งมี Alibaba หนุนหลังอยู่เช่นกัน, J&T Express เบอร์หนึ่งของอินโดนีเซีย และ CJ Logistics จากเกาหลีใต้

 

เมื่อมีผู้เล่นอยู่ในตลาดจำนวนมาก เกมการแข่งขันเต็มไปด้วยความร้อนแรง ในวันที่เข้าสู่ไทย Best Express จึงพกเงินมาด้วยมากถึง 5,000 ล้านบาทสำหรับในช่วงปี 2020-2025 โดยเน้นลงทุนเทคโนโลยีและการตลาด เนื่องจาก Best Express เลือกใช้โมเดลแฟรนไชส์ 100% ซึ่งต่างจากรายอื่นๆ ที่จะมีการลงทุนสาขาเอง ด้วย Best Express รู้ดีว่าหากต้องลงทุนจุดรับพัสดุเองย่อมแข่งกับคนอื่นไม่ทันอย่างแน่นอน

 

หลังอยู่ในไทยมา 1 ปีกว่าๆ Best Express มีแฟรนไชส์ทั่วประเทศ 500 แห่ง ทั้งในรูปแบบแฟรนไชส์หลัก (First Station) แฟรนไชส์รอง (Second Station) ช็อป (Shop) และจุดรับพัสดุ (Drop Point) พนักงานส่งพัสดุ 3,000 คน มีแวร์เฮาส์ 7 แห่ง โดยเป็นแวร์เฮาส์ขนาดใหญ่ 4 แห่งอยู่ในกรุงเทพฯ สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น และพิษณุโลก มีการรับพัสดุประมาณ 2.5 แสนชิ้นต่อวัน 

 

สำหรับทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังได้วางงบลงทุนอีก 300 ล้านบาทสำหรับด้านเทคโนโลยี แวร์เฮาส์ และการตลาด ซึ่งในส่วนหลังนี้ได้ทุ่มดึง ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ นักแสดงระดับแม่เหล็กมาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งหากมองลึกเข้าไป Best Express ต้องการใช้ชื่อเสียงของณเดชน์สร้างการรับรู้เพื่อแข่งกับผู้เล่นรายอื่นๆ ที่ต่างดึงนักแสดงที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซนเตอร์

 

เช่น Kerry Express ใช้ เวียร์ ศุกลวัฒน์, Flash Express ใช้ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ และ J&T Express ใช้ มาริโอ้ เมาเร่อ ซึ่งในวันที่ Best Express เปิดตัวก็ได้เล่นใหญ่ขนาดเชิญนักแสดงตัวแม่ของวงการ ‘อั้ม พัชราภา’ มาร่วมอีเวนต์เปิดตัวด้วย นอกจากเรื่องดังกล่าวแล้ว ในส่วนของบริการยังได้เตรียมให้บริการสินเชื่อแก่แฟรนไชส์สำหรับขยายธุรกิจด้วย 

 

เป้าหมายต่อไปของ Best Express ตั้งเป้าจะเพิ่มแฟรนไชส์ทั้ง 4 ประเภทอีกกว่า 800 สาขาภายในปี 2020 และเพิ่มเป็น 2,000 สาขาภายในปี 2022 และเมื่อถามว่าภายใน 5 ปีต้องการขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งเลยหรือไม่ เจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ เบสท์ ประเทศไทย บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ตอบแต่เพียงว่า 

 

“ถึงเราจะมาช้า แต่เชื่อว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดได้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาบริการต่างๆ ให้แตกต่างจากคนอื่นๆ”

 

เจสันระบุอีกว่าสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจอยู่ได้เมื่อเจอวิกฤตคือการเปลี่ยนแปลง เราไม่สามารถหยุดอยู่นิ่งๆ ได้ ซึ่งสำหรับ Best Express จะเน้นการพัฒนาในเรื่องของเทคโนโลยี โดยไม่จำเป็นต้องเล่นราคาที่ถูกที่สุดในตลาด เพราะมีราคาตายตัวอยู่แล้ว และด้วยการเป็น Economy of Scale ทำให้ในอนาคตเมื่อเติบโตราคาย่อมถูกลงที่สุดอยู่แล้ว

 

โดยความท้าทายที่สุดของ Best Express ในวันนี้คือการเลือกทำเลของสาขาใหม่ที่ต้องเข้าให้ถึงลูกค้า และอีกเรื่องคือการหาพนักงานที่ต้องตอบโจทย์ เพราะ Best Express มีรูปแบบการทำธุรกิจที่แตกต่างจากคนอื่นๆ

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising