×

BCP – พรีวิว 4Q66 คาดค่าใช้จ่ายด้อยค่าส่งผลกระทบต่อกำไร

09.02.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q66 ของ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 

 

โดยคาดว่าผลการดำเนินงานของ BCP จะพลิกจากกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาทใน 3Q66 มามีขาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านบาทใน 4Q66 หลักๆ เกิดจากรายการพิเศษ ได้แก่ กำไรจากการต่อรองราคาซื้อหุ้น ESSO (7.4 พันล้านบาท) ใน 3Q66 และค่าใช้จ่ายด้อยค่าสินทรัพย์ของ OKEA (ประมาณ 2.1 พันล้านบาท) ใน 4Q66 หากไม่รวมรายการเหล่านี้ คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานจะลดลง 77%QoQ และ 35%YoY สู่ 814 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจาก Market GRM ที่ลดลง ขาดทุนสต็อก และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น (หนี้สินเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อหุ้น ESSO) 

 

และคาดว่าค่าการกลั่นพื้นฐาน (Operating GRM) จะลดลง 50%QoQ สู่ 7.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 4Q66 แต่ยังสูงกว่า Singapore GRM ที่ 5.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นที่สูงขึ้นของทั้ง BCP (เพิ่มขึ้น 4%QoQ) และ BSRC (เพิ่มขึ้น 148%QoQ) จะไม่สามารถชดเชยผลกระทบเชิงลบจาก GRM ที่ลดลงและขาดทุนสต็อกได้

 

ด้านธุรกิจการตลาดได้รับผลกระทบจากขาดทุนสต็อก แม้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 10%QoQ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยใน 4Q66 และค่าการตลาดเพิ่มขึ้น 15%QoQ แต่คาดว่ากำไรจากธุรกิจการตลาดจะลดลง 21%QoQ เพราะได้รับผลกระทบเชิงลบจากขาดทุนสินค้าคงเหลือ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลทำให้ EBITDA Margin ของธุรกิจการตลาดปรับตัวลดลงจาก 2.8% ใน 3Q66 สู่ 2.2% ใน 4Q66

 

ส่วนกำไรจากธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติจะลดลง โดยคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานจาก OKEA จะลดลง 3%QoQ โดยมีสาเหตุมาจากปริมาณการขายที่ลดลง 4%QoQ และราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง 2%QoQ แต่จะเติบโต 25%YoY นอกจากนี้ กำไรจาก OKEA ยังน่าจะได้รับผลกระทบจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายด้อยค่าสินทรัพย์จำนวน 2.3 พันล้านบาท สำหรับโครงการ YME และโครงการ Statfjord โดยโครงการหลังเข้าซื้อมาในช่วงปลายปี 2566 แต่ปริมาณสำรองปิโตรเลียมต่ำกว่าที่ประเมินได้ในตอนแรก 

 

ในขณะที่คาดว่ากำไรจากธุรกิจไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 14%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากปริมาณการขายที่สูงขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยและญี่ปุ่น บวกกับส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจากการถือหุ้น 25% ในโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงในสหรัฐฯ  

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCP ปรับขึ้น 6.1% สู่ระดับ 43.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 2.1% สู่ระดับ 1,388.60 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการ 2567:

 

InnovestX Research มองว่า กำไรของ BCP จะได้รับการสนับสนุนจากการรับรู้กำไรของ BSRC เข้ามาเต็มปีเป็นส่วนใหญ่ บวกกับผลประโยชน์ Synergy จากการประหยัดต้นทุน การขนถ่ายน้ำมันดิบร่วมกัน และการปรับสัดส่วนผลผลิตให้เหมาะสม ปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นรวมกันจะปรับเพิ่มขึ้น 72% สู่ 266 KBD เพื่อรองรับเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่ขยายใหญ่ขึ้นเป็น 2,261 สถานีหลังจากรีแบรนด์ นอกจากนี้กำไรยังจะได้แรงหนุนจากปริมาณการผลิตที่ OKEA ที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 74% สู่ 40 KBOED หลังจากได้มาซึ่งสินทรัพย์ใหม่ (หุ้น 28% ใน Statfjord) 

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ: แม้ราคาหุ้น BCP ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 11% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา Outperform หุ้นกลุ่มเดียวกันในประเทศ (ลดลง 8% โดยเฉลี่ย) และ SET (ลดลง 9%) แต่ Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำที่ P/E (ปี 2567) ระดับ 4 เท่า และ P/BV ระดับ 0.7 เท่า หรือเท่ากับระดับ -1.1 SD ของ P/BV เฉลี่ย 10 ปี นอกจากนี้ คาดการณ์ถึงอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจในระดับ 8% (ปี 2567) เทียบกับ 6% ในปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจาก BSRC โดยยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ BCP โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี Sum-of-the-Parts ที่ 51 บาทต่อหุ้น 

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและ GRM ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลทำให้ขาดทุนสต็อกเพิ่มขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรัฐบาลเข้าแทรกแซงราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ 

 

ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising