×

สวมวิญญาณนักธรณีวิทยาตามล่าฟอสซิสที่สตูล ที่ไหนก็มีแต่ซากฟอสซิลเต็มไปหมด!

08.06.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 MINS READ
  • ความเจ๋งของปราสาทหินพันยอดคือเกาะหินปูนซึ่งเกิดขึ้นจากการยกตัวขึ้นของเปลือกโลก โดนแดดลมฝนกัดกร่อนจนชั้นหินละลายกลายเป็นโพรง บางส่วนถูกเหลาเป็นยอดแหลม เวลาเที่ยวชมควรไปช่วงน้ำลด พายเรือคายักลอดผนังถ้ำเข้าไปด้านใน แสงแดดส่องสะท้อนน้ำสวยงามมาก
  • ถ้ำเลสเตโกดอน เป็นถ้ำในเทือกเขาหินปูนที่มีลักษณะคล้ายอุโมงค์ใต้ภูเขา ที่มาของชื่อมาจากการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของช้างสกุลสเตโกดอน และแรดสมัยไพลสโตซีน ซึ่งกลายเป็นต้นตอของการค้นคว้าลักษณะทางธรณีวิทยาในจังหวัดสตูลต่อมา

หลังจากที่อุทยานธรณีสตูลได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานธรณีโลกลำดับที่ 36 ของโลก และแห่งที่ 5 ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทีมงาน THE STANDARD ก็หมายมั่นปั้นมือไปทำความรู้จักกับจังหวัดนี้อย่างเร็วรี่ที่สุด (เท่าที่เราสามารถทำได้)

 

สตูลเป็นจังหวัดที่เรียกได้ว่า ‘ถูกมองผ่านมากที่สุด’ ทั้งที่อยู่ใกล้เมืองใหญ่และมีจุดหมายปลายทางยอดฮิตล้อมรอบ ไม่ว่าจะเป็นตรัง หาดใหญ่ หรือกระบี่ สามารถใช้เป็นจุดเชื่อมต่อสู่มาเลเซียทางรถยนต์ได้ด้วย แต่เรามักปล่อยผ่านและไม่เคยคิดชายตาแลสตูลเลย กระทั่งนักท่องเที่ยวหลายคนที่เคยเดินทางไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะมาแล้วก็ยังไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆ แล้วหลีเป๊ะอยู่ในรอบรั้วของจังหวัดสตูล! (เอากับเขาสิ) ฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาสบินลงใต้ไปตามล่าหาซากฟอสซิลที่จังหวัดสตูลในเขต 3 อำเภอใหญ่ของอุทยานธรณีโลกสตูล ได้แก่ มะนัง, ละงู และทุ่งหว้า เมื่อลิสต์รายชื่อออกมา เราตัดสินใจตัดเกาะหลีเป๊ะทิ้งอันดับแรก และมุ่งปักหมุดยังแหล่งอื่นที่สามารถเอื้อนเอ่ยได้ว่าสวย เจ๋ง และเต็มไปด้วยซากฟอสซิล

 

 

พิกัดที่ 1: ปราสาทหินพันยอด

พิกัดตามล่าหาฟอสซิลพิกัดแรกคือปราสาทหินพันยอด ส่วนหนึ่งของเกาะเขาใหญ่ เกาะหินปูนซึ่งห่างจากชายฝั่งปากน้ำบาราไปเพียง 15 นาทีเศษ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ภาพเกาะกลางทะเลที่มีหินทรงแปลกตาล้อมรอบเกาะและมีใจกลางเป็นน้ำทะเลสีเทอร์ควอยส์เชิญชวนให้เราปักหมุดปราสาทหินพันยอดทันทีที่รู้ว่าเป็นหนึ่งในอาณาเขตของอุทยานธรณีโลกสตูล ความเจ๋งของปราสาทหินพันยอดคือเกาะหินปูนซึ่งเกิดขึ้นจากการยกตัวขึ้นของเปลือกโลก โดนแดดลมฝนกัดกร่อนจนชั้นหินละลายกลายเป็นโพรง บางส่วนถูกเหลาเป็นยอดแหลม เวลาเที่ยวชมควรไปช่วงน้ำลด พายเรือคายักลอดผนังถ้ำเข้าไปด้านใน แสงแดดส่องสะท้อนน้ำสวยงามมาก เสียดายช่วงเวลาเราไปฝนตก ทว่าก็ยังสวยงามอยู่ดี

 

 

ใครที่อยากเห็นฟอสซิลตัวเป็นๆ ให้นั่งเรือต่อไปอีกฟากของเกาะเขาใหญ่ บริเวณอ่าวฟอสซิลมีซากฟอสซิลให้ดูหลายตัว ส่วนใหญ่เป็นนอติลอยด์ สัตว์จำพวกหอย กลุ่มเดียวกับหมึก ลำตัวภายในเป็นช่องว่างแบ่งเป็นช่องๆ อายุมากกว่า 450 ล้านปี ตัวที่เราเห็นสมบูรณ์ที่สุดมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ ถือว่าตัวใหญ่มาก บางตัวมีขนาดเล็กเท่าเหรียญสิบฝังอยู่ตามซอกหิน ต้องค่อยๆ สังเกตดูไปเรื่อยๆ ช่วงแรกอาจเห็นยากหน่อย แต่พอมองเรื่อยๆ จะเจอเยอะแยะไปหมดเลย

 

 

Tips:

  • แนะนำให้ใส่รองเท้ารัดส้นที่ลุยน้ำได้ไปด้วย เนื่องจากหินค่อนข้างแหลมคม ส่วนบริเวณอ่าวฟอสซิสก็ต้องปีนป่ายขึ้นไปดูตามชั้นหิน แม้ไม่ลำบาก แต่ระวังไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
  • ชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูกมีบริการเที่ยวครึ่งวันเส้นทางปราสาทหินพันยอด พร้อมอาหาร 1 มื้อ เป็นอาหารพื้นบ้านชาวสตูล รสชาติอร่อย และวัตถุดิบจำพวกกุ้งหอยปูปลาสดมาก

 

 

พิกัด 2: ถ้ำภูผาเพชร

ได้ยินเสียงร่ำลือเรื่องความงามของถ้ำภูผาเพชรมานาน แต่ไม่เคยไปสักครั้ง จนกระทั่งมาเห็นด้วยตาจริงๆ เราพบว่าสวยงามและน่าตกตะลึงมาก ตัวถ้ำมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก จากพื้นจรดเพดานมีความสูงเท่ากับตึก 4-5 ชั้น แต่เปิดให้เข้าชมเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น โอ่โถงกว้างขวางเหลือประมาณ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว เนื่องจากมีการพบกระดูกมนุษย์ยุคโบราณส่วนกะโหลกศีรษะ เศษภาชนะดินเผาเคลือบลายเชือกทาบ ที่ก้นภาชนะมีเปลือกหอยยึดเกาะ

 

 

การมาเที่ยวถ้ำภูผาเพชร คุณอาจต้องเสียเหงื่อนิดหน่อย เนื่องจากต้องเดินเท้าขึ้นเขาเป็นระยะทางสั้นๆ ประมาณ 500 เมตร ค่อนข้างชัน เรียกเหงื่อได้ดีเชียว นั่งพักพอหายเหนื่อย เดินตามไกด์เข้าไปชมความงามในพื้นที่ ความอัศจรรย์ปรากฏผ่านความงามของหินงอกหินย้อยที่มีประกายระยิบระยับราวกับเพชรนิลจินตา สุดเส้นทางถ้ำมีบริเวณที่เรียกว่าห้องแสงมรกต เป็นจุดเดียวที่มีเพดานถ้ำเป็นช่องปล่อง เปิดรับแสงธรรมชาติส่องลงมากระทบกับหินงอกหินย้อยสีเขียวขจี อย่ามัวตกตะลึงกับความงามตรงหน้า ลองสังเกตตามผนังถ้ำในห้องนั้นจะเจอฟอสซิลนอติลอยด์และสโตรมาโตไลต์ ซากสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าหินปูนบริเวณถ้ำมีอายุอยู่ในช่วงยุคออร์โดวิเชียน หรือประมาณ 450 ล้านปีมาแล้ว

 

 

Tips:

  • ด้านในถ้ำมืดมาก อย่าลืมเช่าไฟฉายหัวกบมาใส่ระหว่างเดินชม ราคา 20 บาทต่ออัน
  • การเดินทางภายในสะดวกสบาย มีสะพานระแนงไม้ทอดตัวยาวรอบถ้ำ แต่เราแนะนำให้คุณใส่รองเท้าผ้าใบเพื่อความปลอดภัย เพราะต้องเดินขึ้นเขาในสภาพป่าเปียกชื้น แม้ว่าทางเดินจะเป็นขั้นบันไดก็เถอะ
  • ค่าเข้าชม 50 บาท

 

 

พิกัด 3: น้ำตกวังสายทอง

ห่างจากถ้ำภูผาเพชรไปไม่ไกลในเขตอำเภอเดียวกันเป็นสถานที่ตั้งของน้ำตกวังสายทอง น้ำตกหินปูนขนาดใหญ่ที่ไหลลดหลั่นเป็นชั้นเล็กชั้นน้อยสลับไปมา มีเกาะแก่งและแอ่งให้หย่อนกายแช่ได้ราวกับออนเซนตามธรรมชาติ เพียงแต่ว่านี่ไม่ใช่น้ำแร่ร้อนแต่อย่างใด ความพิเศษของน้ำตกวังสายทองเป็นน้ำตกหินปูนแห่งแรกในภาคใต้ที่เดินแล้วไม่ลื่น สามารถปีนป่ายขึ้นไปยังตาน้ำได้สบาย ปลอดภัย ยกเว้นเสียว่าคุณเดินไม่ระวังหรือสะดุด แหล่งน้ำของน้ำตกมาจากการอัดและทะลักของน้ำใต้ถ้ำในภูเขาทะลุออกมาตามช่องหิน ไหลรวมกันสู่แอ่งต่างๆ และลงสู่คลองละงูในที่สุด

 

 

ขนาดของน้ำตกที่นี่ไม่ใหญ่อลังการขนาดต้องเดินเข้าไปดูตามชั้นต่างๆ แต่เป็นน้ำตกที่ให้บรรยากาศชวนพักผ่อนมาก เสียงของธรรมชาติที่ช่วยให้จิตใจสงบ สายน้ำเย็นๆ ท่ามกลางแสงสีเขียวของต้นไม้ใหญ่ ที่สำคัญในละแวกยังมีกิจกรรมล่องแก่งสนุกๆ อีกด้วย ใครมาเป็นต้องหลงรักทุกราย

 

 

Tips:

  • เตรียมรองเท้าใส่เดินป่าลงน้ำตกที่สามารถใส่ลงน้ำได้ เวลาเดินขึ้นไปดูตาน้ำจะได้ปลอดภัย
  • น้ำที่นี่ใสสะอาด เหมาะแก่การแช่มาก เตรียมชุดไปเผื่อสำหรับลงเล่นน้ำด้วยก็ดี
  • วันหยุดสุดสัปดาห์คนเยอะ แต่วันธรรมดาคนน้อย เหมาะมากสำหรับการพักผ่อน

 

 

พิกัด 4: กลุ่มปันหยาบาติก

หากเบื่อธรรมชาติและอยากสัมผัสวิถีชุมชน เราแนะนำให้คุณปักหมุดมายังกลุ่มปันหยาบาติก บ้านไม้ชั้นเดียวในตรอกเล็กๆ ริมปากน้ำบารา ผ้าบาติกเป็นผ้าพื้นบ้านที่นิยมมากในแทบทุกจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีเอกลักษณ์ลวดลายที่แตกต่างกันตามสิ่งแวดล้อมที่พบเจอ ผ้าบาติกของชาวละงูในจังหวัดสตูลแตกต่างตรงลวดลายและวัสดุที่ใช้ในการย้อม ที่นี่นิยมย้อมเย็นโดยการใช้สีจากพืชพรรณที่หาได้ใกล้ตัว มีทั้งแร่ธาตุ ใบไม้ เปลือกที่เกิดขึ้นในพื้นที่อุทยาน เช่น สีแดงอมน้ำตาล ได้จากดินที่ผุผังจากพื้นหินปูนผสมแร่เหล็ก สีเหลืองจากโคลน น้ำตาลเข้มจากเปลือกโกงกาง ส่วนลวดลายก็มีแบบใช้แท่นพิมพ์ทำลายไปจนถึงการวาดมือต่างๆ เท่าที่ฉันสังเกตก็มีทั้งลายเรขาคณิต ลวดลายใบไม้ใบหญ้า ไปจนถึงลายนอติลอยด์และสโตรมาโตไลต์ก็มีอยู่ไม่น้อย

 

 

กลุ่มปันหยาบาติกเกิดจากความร่วมมือของชุมชนที่ต้องการสร้างอาชีพเสริมเพื่อจุนเจือครอบครัว สมาชิกมีทั้งลูกเด็กเล็กแดง วัยรุ่น และแม่บ้านวัยเกษียณ ช่วงแรกรายได้มีไม่มากนักจนถึงขั้นถอดใจยุบกลุ่มไปแล้วหนหนึ่ง แต่เพราะอยากอนุรักษ์วิธีการดั้งเดิมของชุมชนไว้จึงกัดฟันสู้ร่วมกันทำจนถึงปัจจุบัน นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเยี่ยมชมได้ จะแวะไปซื้อของหรือสอบถามขอความรู้ ทางกลุ่มก็ยินดีให้ข้อมูล

 

 

Tips:

  • การทำผ้าติกของกลุ่มนี้นิยมการย้อมเย็น คือละลายสีลงน้ำในปริมาณเข้มข้นแล้วนำผ้ามาจุ่มย้อมจนสีติด จากนั้นจึงนำไปซัก ล้าง ต้ม ตาก ตามกรรมวิธี
  • ผ้าพันคออยู่ที่ 490-600 บาท ผ้าเช็ดหน้าราคาผืนละ 59 บาท สามารถติดต่อขอทำเวิร์กช็อปได้ แต่แนะนำให้จองล่วงหน้า โทร. 08 1093 4222

 

 

พิกัด 5: ถ้ำเลสเตโกดอน

เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติที่ทีมงานของเรารู้สึกตื่นเต้นมากและตั้งตาคอยเป็นพิเศษ เนื่องจากเปิดให้เข้าชมแค่วันละครั้งตามเวลาน้ำขึ้นน้ำลงเท่านั้น แถมยังต้องนั่งเรือชมถ้ำยาวถึง 4 กิโลเมตร ถ้ำเลสเตโกดอนเป็นถ้ำในเทือกเขาหินปูนที่มีลักษณะคล้ายอุโมงค์ใต้ภูเขา ที่มาของชื่อมาจากการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของช้างสกุลสเตโกดอนและแรดสมัยไพลสโตซีน ซึ่งกลายเป็นต้นตอของการค้นคว้าลักษณะทางธรณีวิทยาในจังหวัดสตูลต่อมา

 

 

เส้นทาง 4 กิโลเมตรภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยให้ชมอยู่ตลอดสองฝั่ง หากสังเกตดีๆ คุณอาจเห็นกุ้งก้ามกรามและสัตว์เล็กๆ บางชนิดหลบซ่อนอยู่ตามโขดหิน น้ำในถ้ำเป็นน้ำกร่อย ยามเมื่อน้ำทะเลหนุนสูง บางจุดจะลึกมากกว่า 3 เมตร ฝีพายจะพาเราลงจอดตามจุดต่างๆ สามารถพักเล่นน้ำได้ถ้าต้องการ

 

 

ช่วงเวลาที่ THE STANDARD ไปเป็นช่วงฤดูแล้งย่างเข้าฤดูฝน น้ำฝนยังไม่เยอะมากนัก ทำให้ไม่สามารถเห็นม่านน้ำตกหลายจุดที่อยู่ภายในถ้ำได้ ก็ได้แต่จินตนาการตามที่ไกด์เล่าให้ฟังเป็นฉาก นอกจากหินงอกหินย้อนแล้ว ตามผนังธรรมชาติโดยเฉพาะช่วงรอยต่อกับป่าโกงกาง หากเอาไฟส่องดีๆ จะเห็นซากฟอสซิลหลายจุดฝังตัวอยู่ในชั้นหิน สามารถสอบถามไกด์และให้เขาชี้ชวนได้

 

 

ออกจากปากถ้ำจะเข้าสู่เส้นทางป่าโกงกางบริเวณคลองหญ้าระ เงียบสงบและให้ความรู้สึกเหมือนนักผจญภัยมาก จบเส้นทางด้วยการนั่งเรือหางยาวล่องสู่ปากอ่าว ถ้าดวงดีจะเห็นสัตว์น้ำบางชนิด เช่น นาก

 

 

Tips:

  • แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่พร้อมเปียกได้ทุกเมื่อ เพราะแม้ว่าคุณจะนั่งอยู่บนเรือ แต่ก็มีบางช่วงที่ต้องลงเดิน เพราะน้ำตื้นเขินเกินไป
  • ข้างในถ้ำมืดมาก พยายามอย่าอยู่ห่างจากไกด์ เพราะความมืดและระยะทางที่กว้างของถ้ำนั้นอาจทำให้คุณพลัดหลงได้
  • ซากฟอสซิลอยู่บริเวณสุดทางถ้ำบริเวณประตูรูปหัวใจ ลองสอบถามไกด์ให้ชี้ชวนดู วันนั้นทีมงานเราเจอไปเป็นสิบตัวเลย
  • หลังจากชมถ้ำเลสเตโกดอนแล้ว สามารถดูนิทรรศการเกี่ยวกับฟอสซิลได้ที่พิพิธภัณฑ์ธรณีสตูลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • ค่าเข้าชมคนละ 300 บาท แนะนำให้เช็กเวลาน้ำขึ้น-น้ำลงได้ที่ โทร. 0 7478 9317

 

 

ยังมีอีกหลายสถานที่ซึ่งเรายังไม่ได้ไปในการตามล่าหาฟอสซิสที่สตูล ไม่ว่าจะเป็นเกาะหลีเป๊ะ เขตข้ามเวลา ฯลฯ สารภาพตามตรงว่าช่วงแรกเราคิดว่าซากฟอสซิสคงเจอได้ตามพิพิธภัณฑ์เท่านั้น แต่พอลงพื้นที่จริงกลับเจอแทบจะทุกอิริยาบถหลบซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ เพียงแต่เราต้องช่างสังเกตและสนใจเท่านั้นจึงจะเห็น สตูลเป็นจังหวัดที่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และเงียบสงบมาก มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและมีวัฒนธรรมอันเข้มข้น เชื่อเถอะว่าคุณจะรู้สึกชอบเหมือนกับที่ทีมงาน THE STANDARD ตกหลุมรักสตูลจากการเดินทางครั้งนี้แน่นอน

FYI

Where to go

  • จากกรุงเทพฯ แนะนำให้นั่งเครื่องบินมาลงท่าอากาศยานตรังแล้วเช่ารถขับ สายการบิน Nok Air มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ – ตรัง – กรุงเทพฯ วันละ 2 เที่ยวบิน สามารถสอบถามตารางบินได้ที่ www.nokair.com
  • บริษัทเช่ารถมีมากมายหลายยี่ห้อ ได้แก่ Avis, Thai Rent A Car, Budget

 

Where to Eat

  • นอกจากของกินในตัวเมืองสตูล ถ้าให้ใกล้แหล่งท่องเที่ยว เราแนะนำให้หาของกินอร่อยๆ ในตัวเมืองละงู มีทั้งร้านติ่มซำ ร้านขนมจีน ร้านอาหารมุสลิม และร้านโรตี ซึ่งอร่อยเกือบทุกร้าน
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising