ดูเหมือนนักลงทุนจะไม่เชื่อคำพูดของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ย้ำว่า Fed จะยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหรือลดปริมาณการทำ QE พร้อมกับชี้เป้าว่า เงินเฟ้อไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิด สะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ระยะยาว โดยเฉพาะรุ่นอายุ 10 ปีที่ยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
ล่าสุดเมื่อคืนนี้ Bond Yield สหรัฐฯ รุ่นอายุ 10 ปี ขึ้นไปแตะระดับ 1.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ก่อนจะอ่อนตัวลงมาอยู่ในระดับ 1.5% สร้างแรงกดดันต่อดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก
โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ (26 กุมภาพันธ์) ปรับตัวลดลงรุนแรงในทุกตลาด นำโดยดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ ที่ลดลงราว 2.66% ตามด้วยดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ที่ลดลงไป 2.48% เช่นเดียวกับตลาดหุ้น Hang Seng ของฮ่องกง ที่ลดลง 2.22% และ Shanghai ของจีน ที่ลดลง 1.55%
ด้านตลาดหุ้นไต้หวันก็ปรับตัวลดลงราว 2.08% ในขณะที่ตลาดหุ้นออสเตรเลียเช้าวันนี้ก็ปรับตัวลดลงไปประมาณ 1.95% ส่วนตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดทำการเนื่องในวันมาฆบูชา
การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของดัชนีหุ้นหลายๆ ตลาดในภูมิภาคเอเชีย เป็นการปรับลดลงตามดัชนีหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนี Nasdaq ที่ปรับลดลงไปราว 3.52% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ดัชนี Dow Jones เมื่อคืนนี้ก็ปรับตัวลดลงไปกว่า 559 จุด หรือประมาณ 1.75%
โดยการลดลงอย่างหนักของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ เป็นผลจาก Bond Yield รุ่นอายุ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นมาแรง ซึ่งในบางช่วงทะลุระดับ 1.60% ทำให้นักลงทุนพากันเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อหันไปลงทุนในตลาดพันธบัตรแทน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: