วันนี้ (24 กันยายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีท่าทีของพรรคภูมิใจไทยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรฐานจริยธรรม หลังจากที่ ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ออกมาแถลงไม่เห็นด้วยว่าคนการเมืองเป็นคนสาธารณะ ถ้าไม่อยากให้ตรวจสอบก็เล่นการเมืองไม่ได้ การเข้ามาเล่นการเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐมนตรี แค่เป็นที่ปรึกษา เป็นเลขานุการ หรือรับตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง อย่างกรรมการรัฐวิสาหกิจก็ต้องแจ้งทรัพย์สินแล้ว นั่นคือบทแรกของการถูกตรวจสอบ
อนุทินกล่าวอีกว่า คนที่มาทำงานสาธารณะ รับใช้บ้านเมือง หรือใช้อำนาจรัฐในการบริหารราชการแผ่นดิน ก็ต้องรับการตรวจสอบ เป็นการ Checks and Balances ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ นักร้องเรียนมีอยู่ทั่วไป เขาร้องได้ในสิ่งที่เราทำผิด ถ้าเราไม่ได้ทำผิดพิสูจน์อย่างไรก็ไม่ผิด ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเองมากกว่า
ส่วนจะเป็นจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า “มันไม่ใช่จุดยืน แต่มันเป็นวิถีชีวิต เช่น ถ้าไม่อยากถูกตรวจสอบก็ให้ทำธุรกิจอยู่ที่บ้าน เสียภาษีตามที่ต้องเสีย ก็จะได้ไม่มีใครมาบอกให้แสดงทรัพย์สิน บริษัทได้ยกเว้นทำผิด”
ปัญหาประชาชนสำคัญที่สุด
“ผมมั่นใจ ไปคุยกับนายกฯ แพทองธาร ท่านก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเหล่านี้ ท่านบอกว่าถ้าทำดีเสียอย่างจะไปกลัวอะไร ทำในสิ่งที่ถูกต้องก็พร้อมที่จะถูกตรวจสอบ เช่น ขณะนี้เข้ามาทำงานไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็เห็นปัญหาต่างๆ เยอะแยะมากมาย มีเรื่องอะไรเยอะแยะที่รัฐบาลต้องทำเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน อะไรที่ทำแล้วเป็นการเอื้อตัวเองหรือเพื่อพวกพ้องมันผิดตั้งแต่นับหนึ่งแล้ว” อนุทินกล่าว
อนุทินยืนยันว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ได้นัดหมาย พร้อมยืนยันว่าการแถลงของภราดรถือเป็นการแถลงของพรรค ก่อนจะย้อนถามสื่อมวลชนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเบอร์หนึ่งหรือไม่ พื้นที่ภาคเหนือที่ถูกน้ำท่วมตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดมากกว่า พร้อมย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อยู่แล้วว่าต้องทำเพื่อประเทศและประชาชน
ภูมิธรรมปัด เริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญปมจริยธรรม
ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรมว่า เราพยายามจะนัดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้คุยกันโดยเร็วที่สุด ถ้าเห็นด้วยเหมือนกันก็ไปด้วยกัน ถ้าไม่เห็นด้วยก็ยังไม่ต้องไป
ภูมิธรรมยืนยันว่า จุดเริ่มต้นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องดังกล่าวไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นข้อเสนอจากหัวหน้าพรรคการเมืองหลายพรรคที่แสดงความไม่สบายใจ เราจึงเริ่มต้นคุยเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร
ส่วนที่อนุทินระบุว่าควรแก้ปัญหาให้ชาวบ้านก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่าคิดไม่ต่างกัน แต่สื่อมวลชนเห็นว่ามีความสำคัญ ประเด็นจึงเลยไปบ้าง แต่สิ่งที่คิดเหมือนกันคือมันเป็นปัญหาไม่ใช่เรื่องจริยธรรมอย่างเดียว มีหลายประเด็น หลายอย่าง และหลายเรื่อง เราก็จะนำไปสู่การแก้ไขทั้งฉบับอยู่แล้วและต้องใช้เวลา ภูมิธรรมยืนยันว่าตอนนี้เราแก้ปัญหาให้ชาวบ้านอยู่ การแก้ปัญหาราชการแผ่นดินมีหลายปัญหา บางอย่างทำได้ทันที บางอย่างต้องรอ ไม่ใช่ทุกอย่างหยุดแล้วมาแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องเดียว
ทวีไม่ค้านแก้จริยธรรมนักการเมือง แต่ต้องทำให้ชัดเจน
พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ยังไม่มีนัดหมายจากภูมิธรรมและสังคมยังสับสน พูดไปก็จะทำให้เกิดการแตกแยก แต่ตนมองว่าต้องแก้ไขให้ดีขึ้นและให้เกิดความชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่แอบแฝง ให้ประชาชนอ่านแล้วเข้าใจได้ รวมถึงผู้พิพากษาอ่านก็ต้องเข้าใจ ไม่เช่นนั้นหากมีคำพูดที่แอบแฝงซ่อนเร้น กฎหมายจะเป็นสมบัติส่วนตัวของคนบางกลุ่ม ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง
ตนไม่ปฏิเสธเรื่องจริยธรรม เพราะมีความสำคัญและประชาชนต้องการเรียกร้องที่มาของนักการเมือง รวมถึงต้องเป็นที่ยอมรับ แต่ก็มีบางถ้อยคำที่คลุมเครือและไม่มีขอบเขต ทั้งนี้ ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในภาพใหญ่ต้องให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ทำ และคืนอำนาจให้ประชาชนในฐานะผู้ร่าง เพราะต้องเคารพเจ้าของประเทศ