ถึงอากะจะเป็นร้านอาหารบุฟเฟต์ยากินิกุที่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยแล้วก็ตาม แต่ความท้าทายใหม่ของแบรนด์คือการขยายฐาน เน้นเจาะกลุ่มที่เป็นวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ทำให้แบรนด์ต้องปรับลุคให้ทันสมัย ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์
“ด้วยเหตุนี้เราจึงเดินหน้าภารกิจ Revamp Brand ครั้งใหญ่ ด้วยการปรับแบรนด์คาแรกเตอร์ให้สนุกและมีสีสันในทุกมิติ” มยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- AKA มองไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นทำเลทองแห่งใหม่ ชี้การแข่งขันน้อย-ค่าเช่าถูกกว่า วางเป้าหมายใหญ่ขยายใน Lotus’s-Big C ให้ได้ 100 สาขา
- ตลาดอาหารปิ้งย่าง เล็กไปแล้ว AKA แตกแบรนด์น้องใหม่ ‘AKA SHABU’ บุกตลาดชาบู 2.3 หมื่นล้าน
- ZEN – 4Q65: กำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดตามคาด
มีอะไรเปลี่ยนแปลงกับอากะ? การเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ถูกระบุว่า จะส่งผลต่อทุกแง่มุมของประสบการณ์การรับประทานอาหาร ตั้งแต่การแนะนำเมนูใหม่และจานเด่น ไปจนถึงการออกแบบบรรยากาศร้านใหม่
เพื่อให้อากะมีราคาย่อมเยาและดึงดูดใจลูกค้ามากขึ้น ในส่วนของราคาได้ปรับใหม่เป็น 359++ บาท
เครื่องแบบพนักงานก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน เพื่อให้สอดคล้องกับรูปลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ ถูกดีไซน์ภายใต้คอนเซปต์ Japanese Gang เพื่อช่วยให้ถ่ายทอดแบรนด์คาแรกเตอร์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
บรรยากาศร้านเป็นอีกโซนที่ปรับโฉมใหม่ ด้วยภาพตกแต่งร้านที่ดูทันสมัยและสะท้อนตัวตนเข้าไปอยู่กับร้าน
“ในปี 2566 เราได้มีการครีเอตเมนูใหม่กับปรับราคาใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วในทุกสาขา และตั้งเป้าที่จะปรับบรรยากาศร้านใหม่ กับเปลี่ยนยูนิฟอร์มพนักงานใหม่ โดยแรกเริ่มจะปรับทั้งหมด 7 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เซ็นทรัล พระราม 3, เซ็นทรัล พัทยา บีช, เดอะมอลล์ บางกะปิ ภายในสิ้นปี และจะทยอยปรับเปลี่ยนให้ครบทุกสาขาทั่วประเทศต่อไป”
อากะมั่นใจว่าการ Revamp Brand ในครั้งนี้ จะสามารถยกระดับความเข้มข้นในทุกประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค พร้อมทั้งยังสามารถสะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการสื่อสารในรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ในทุกช่องทางให้มากขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มียอดขายกว่า 1,500 ล้านบาทในสิ้นปีนี้
นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แล้ว อากะกำลังวางแผนกลยุทธ์การขยายตัวที่มีความทะเยอทะยาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังมองที่จะก้าวไปไกลกว่าศูนย์การค้าและไปสู่ไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น โลตัส บิ๊กซี โดยมีเป้าหมายในการขยายสาขาถึง 100 แห่ง
ในปี 2565 อากะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเซ็น กรุ๊ป มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีสาขาถึง 42 สาขา และสร้างรายได้ 900 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 15-20 สาขา
การเปลี่ยนไปใช้ไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นกลยุทธ์สำหรับอากะ ด้วยพื้นที่ร้านอาหารที่เล็กลง และคาดว่าการแข่งขันจะรุนแรงน้อยลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ KFC ขยายตัวอย่างรวดเร็วในทำเลเดียวกัน นอกจากนี้ ค่าเช่าในไฮเปอร์มาร์เก็ตยังถูกกว่าอย่างมาก โดยมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า 50% ต่อตารางเมตร เมื่อเทียบกับศูนย์การค้า
การเปลี่ยนแปลงสถานที่นี้จะช่วยให้อากะสามารถเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างขึ้น รวมถึงนักศึกษาและคนทำงาน ทำให้มั่นใจได้ว่าแบรนด์จะเติบโตและประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคต
