โมเดล Subscription เป็นธุรกิจใหม่ที่ AIS กำลังจะลุย ประเดิมด้วยการจับมือ UOB สร้างโมเดลจ่าย 850 บาทก็เป็นเจ้าของ iPhone ได้ รวมถึง Samsung ที่จ่ายเดือนละพันกว่าบาท รับทีวีและเน็ตบ้านไปใช้พร้อมกัน
“เราอยากทำโมเดล Subscription มานานแล้ว” ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าว พร้อมกับเสริมว่า ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะออกมาจริงๆ เป็นเพราะต้องประเมินเรื่องต่างๆ ให้รอบด้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘AIS’ เร่งปรับโครงสร้างธุรกิจบรอดแบนด์ใหม่ หลังปิดดีลซื้อ 3BB-JASIF ไตรมาส 2 นี้ ยันไร้แผนฉีดสภาพคล่อง-เพิ่มทุนให้ 3BB
- ‘ยูโอบี’ ประกาศเสร็จสิ้นการซื้อธุรกิจรายย่อยจากซิตี้กรุ๊ปในไทยและมาเลเซีย ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้า 1 เท่าตัวภายใน 3-5 ปี
- เมื่อ Apple บุก ‘ธุรกิจสินเชื่อ’ เต็มตัว ด้วยการตั้งบริษัท ‘Apple Financing’ เสริมทัพบริการ ‘ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง’
หลังจากใช้เวลาพูดคุยกันมานานกว่า 1 ปี ในที่สุดก็ได้จับมือกับ UOB ที่เพิ่งเข้าซื้อธุรกิจลูกค้ารายย่อยจาก Citigroup ทำให้มีฐานลูกค้าปัจจุบันอยู่ที่ 2 ล้านกว่าราย และตั้งเป้าเพิ่มอีก 1 เท่าตัวภายใน 3-5 ปี
ทั้งคู่จะออกบริการที่ชื่อว่า UOB Best Buy ซึ่งจะเริ่มด้วย iPhone 14 โดยจ่าย 850 บาทต่อเดือน หากจ่ายครบ 2 ปีสามารถเปลี่ยนเป็นเครื่องรุ่นใหม่ได้ และถ้าจ่ายครบ 3 ปีสามารถรับเครื่องรุ่นดังกล่าวไปได้เลย
เบื้องต้นยังไม่มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะเริ่มทำบริการดังกล่าวเมื่อไร รวมถึงการยื่นทำเรื่องซื้อ เพราะในส่วนการเงิน UOB จะเป็นผู้พิจารณา ปรัธนากล่าวแค่ว่า จะเริ่มด้วย iPhone 14 รุ่นพื้นฐาน หลังจากนั้นจะขยายไปสู่สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ไปจนถึงสมาร์ทวอทช์และแท็บเล็ตที่สามารถทำแพ็กเกจได้
ไม่แปลกที่ AIS จะเริ่มด้วย iPhone เพราะแม้จะเป็นสมาร์ทโฟนที่มีสัดส่วน 20% ในแง่ของจำนวน แต่หากนับมูลค่าจะคิดเป็นสัดส่วน 50-60% ของ AIS ในยอดขายสมาร์ทโฟนทันที
“เราเชื่อว่าบริการดังกล่าวจะทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เพราะแม้จะมีโปรโมชันบัตรเครดิตแต่ก็ผ่อนสูงสุดได้ 10 เดือน และหากเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลก็จะมีดอกเบี้ยที่ค่อนข้างแพง”
AIS หวังว่าบริการดังกล่าวจะเข้ามาดันฐานลูกค้า 5G ที่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีทั้งสิ้น 6.8 ล้านเลขหมาย ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5 ล้านเลขหมาย และคิดเป็น 15% ของจำนวนเลขหมายทั้งหมด ซึ่งในภาพรวม AIS มีฐานลูกค้า 46 ล้านเลขหมาย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้ารายเดือน 12 ล้านเลขหมาย โดยมีรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี 2565 อยู่ที่ 116,696 ล้านบาท
สิ่งที่ต้องจับตาคือตอนนี้ Apple ได้ลงมาเล่นในบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังด้วยตนเอง โดยเมื่อวันที่ 28 มีนาคมได้เปิดตัวบริการ Apple Pay Later ที่สามารถแบ่งการจ่ายเป็น 4 งวดภายใน 6 สัปดาห์ สำหรับซื้อสินค้าและบริการในราคา 50-1,000 ดอลลาร์
เมื่อ THE STANDARD WEALTH ถามถึงเรื่องนี้ ปรัธนาตอบว่า จะไม่กระทบกับ AIS หากบริการดังกล่าวขยายเข้ามาเปิดในไทย เพราะฐานลูกค้าเป็นคนละกลุ่มกัน
การทำโมเดล Subscription ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ AIS ยังได้ประกาศจับมือกับ Samsung ในการทำแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต ทีวี และบริการคอนเทนต์
สำหรับทีวีประกอบด้วยจอ 65 นิ้ว ราคา 1,299 บาทต่อเดือน, 55 นิ้ว ราคา 1,199 บาทต่อเดือน และ 43 นิ้ว ราคา 1,099 บาทต่อเดือน โดยหากจ่ายครบ 24 เดือนก็รับทีวีไปเลย
แน่นอนว่าบริการดังกล่าวทำขึ้นมาเพื่อขยับฐานลูกค้า AIS Fiber ที่มีอยู่ 2.2 ล้านราย และทำรายได้ 10,064 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
นอกจากบริการต่างๆ แล้ว AIS มองว่าฐานลูกค้าจะขยับขึ้นอีก 2.4 ล้านราย หากเข้าซื้อ 3BB ซึ่งธุรกรรมซื้อหุ้นและซื้อหน่วยลงทุนดังกล่าวมีมูลค่ารวม 32,420 ล้านบาท
“ดีลนี้กำลังรอการอนุญาตจาก กสทช. อยู่” สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวในงานแถลงแผนธุรกิจประจำปี 2566 “เราเชื่อว่าดีลนี้จะไม่มีปัญหา เพราะเป็นดีลที่สะอาดและโปร่งใสมาก”
ทั้งนี้ AIS ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ประเมินว่าจะสามารถปิดดีลจบได้ในไตรมาส 2/66 พร้อมลุยปรับโครงสร้างธุรกิจ 3BB ให้อยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่มีแผนฉีดสภาพคล่องหรือเพิ่มทุนให้ 3BB
อ้างอิง:
