บิล เกตส์ (Bill Gates) ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft เชื่อว่าบริษัทชั้นนำในอนาคตในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) น่าจะสร้างตัวแทนดิจิทัลส่วนบุคคลที่สามารถทำงานบางอย่างให้กับผู้คนได้ กระทั่งไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้งาน Google หรือ Amazon อีกต่อไป
เกตส์กล่าวว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะลึกซึ้งมาก จนสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใช้ได้อย่างสิ้นเชิง ผู้ช่วย AI ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนานี้จะสามารถเข้าใจความต้องการและนิสัยของบุคคล และจะช่วยให้พวกเขา ‘อ่านสิ่งที่คุณไม่มีเวลาอ่าน’
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดมุมมอง ‘14 ผู้นำโลกธุรกิจ’ คิดอย่างไรกับ AI อย่าง ChatGPT
- บิล เกตส์ มองต่าง! เชื่อ AI จะเข้ามาช่วยเด็กๆ เรียนรู้การอ่านและการเขียน ซึ่งเป็น ‘ติวเตอร์’ ที่ดีเท่าที่มนุษย์จะทำได้
ความเห็นของเกตส์มีขึ้นระหว่างที่เจ้าตัวเข้าร่วมงาน Goldman Sachs และ SV Angel ในซานฟรานซิสโกในหัวข้อปัญญาประดิษฐ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (22 พฤษภาคม)
นอกจากนี้ เกตส์ยังกล่าวว่า มีโอกาส 50:50 ที่ผู้ชนะ AI ในอนาคตจะเป็นสตาร์ทอัพหรือยักษ์ใหญ่ด้านแวดวงเทคโนโลยีต่อไป ซึ่งตนเองคงผิดหวังมากๆ ถ้าหากว่า Microsoft จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น อีกทั้งยังได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีบริษัทสตาร์ทอัพ 2-3 แห่งที่เข้าตาตนเอง ซึ่งรวมถึง Inflection.AI ที่ร่วมก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร DeepMind อย่าง Mustafa Suleyman
กระนั้น เกตส์ยอมรับว่า น่าจะใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ จนกว่า AI จะพร้อมสำหรับการใช้งานหลัก ดังนั้น จนกว่าจะถึงเวลานั้น บริษัทต่างๆ จะยังคงฝังสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยี Generative AI ซึ่งคล้ายกับ ChatGPT ยอดนิยมของ OpenAI ลงในผลิตภัณฑ์ของตนเอง
ขณะเดียวกัน เกตส์ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะกล่าวถึงความพยายามด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation โดยกล่าวว่า AI จะเร่งให้เกิดนวัตกรรมในอวกาศและนำไปสู่การพัฒนายาขั้นสูง
แม้ว่าการทำงานภายในของสมองมนุษย์ยังคงเป็นเรื่องลึกลับสำหรับนักวิทยาศาสตร์ แต่ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft เชื่อว่ามนุษยชาติกำลังเข้าใกล้การสร้างยาที่เป็นประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โดยการทดลองกับมนุษย์สำหรับยาใหม่ๆ อาจเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ เกตส์ยังเปรียบการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยี Generative AI ที่สามารถสร้างข้อความที่น่าสนใจในฐานะตัวพลิกเกมที่สำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อบรรดามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย รวมถึงเชื่อว่าในอนาคตหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่มีราคาถูกกว่า จะเป็นตัวเลือกที่บริษัทต่างๆ นำมาใช้มากกว่าพนักงานที่เป็นมนุษย์ ซึ่งเท่ากับจะส่งผลต่อบรรดาแรงงานกรรมกรทั้งหลายด้วย
“สิ่งที่ต้องทำสำหรับการพัฒนาหุ่นยนต์เหล่านี้ในเวลานี้ก็คือ ทำให้แน่ใจว่าหุ่นยนต์ทั้งหลายจะไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์” เกตส์กล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิง: