ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ออกโรงเตือนว่าราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการที่สมาชิกของกลุ่ม OPEC+ ประกาศว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงราว 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน นำโดยผู้ผลิตรายใหญ่อย่างซาอุดีอาระเบีย ที่มีแผนจะลดกำลังการผลิตลง 5 แสนบาร์เรลต่อวัน อาจสร้างความท้าทายและยากลำบากมากขึ้นให้กับรัฐบาลของประเทศเอเชียในการดูแลเงินเฟ้อ
“ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นแน่นอนหาก OPEC+ ปรับลดกำลังการผลิต เมื่อรวมกับอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศจีน ผลกระทบจะเกิดกับประเทศในเอเชียที่ส่วนใหญ่เป็นผู้นำเข้าน้ำมัน ต้นทุนการผลิตและแรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศเหล่านี้จะสูงขึ้น โดยมีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งขึ้นทะลุตัวเลขคาดการณ์ของเราในช่วงก่อนหน้านี้ที่ 88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล” Albert Park หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADB ระบุ
Park กล่าวอีกว่า สภาวการณ์ดังกล่าวจะสร้างความยากลำบากให้กับรัฐบาลหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อและส่งเสริมให้เศรษฐกิจฟื้นตัว โดยเขาระบุว่าแม้ปัจจุบันสถานการณ์เงินเฟ้อของประเทศเอเชียส่วนใหญ่จะเริ่มทรงตัวแล้ว แต่หากดูไปที่เงินเฟ้อพื้นฐานที่ตัดราคาอาหารและพลังงานออกจากการคำนวณ จะยังพบว่าเงินเฟ้อพื้นฐานในประเทศเหล่านี้ยังคงสูงกว่าภาวะปกติ
“หน่วยงานกำกับด้านนโยบายการเงินจะต้องไม่ชะล่าใจ เพราะเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มที่จะกลับมาปรับเพิ่มขึ้นได้อีกแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะชะลอตัวอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อในภูมิภาคคือการเปิดประเทศของจีน” Park กล่าว
ทั้งนี้ รายงานภาวะเศรษฐกิจฉบับล่าสุดของ ADB คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อในภูมิภาคเอเชียจะทยอยปรับลดลงจนเข้าใกล้ระดับก่อนเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิดภายในปีหน้า โดยคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปของเอเชียในปีนี้จะอยู่ที่ 4.2% ลดลงจาก 4.4% ในปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะลดลงเหลือ 3.3% ในปีถัดไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิด 5 เหตุผล ทำไมจีนเปิดประเทศแล้ว แต่ตลาดน้ำมันโลกยังนิ่ง
- ‘บีซีพีจี’ ทุ่ม 9 พันล้านบาท ฮุบธุรกิจ ‘คลังน้ำมันและท่าเรือ’ เปิดทางสู่ธุรกิจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ ระบุมีกระแสเงินสดพร้อมลงทุน ไร้แผนเพิ่มทุน
- สะพัด ‘บางจาก’ ทุ่ม 5 หมื่นล้านบาท ปิดดีลเทกโอเวอร์ ESSO จ่อชงบอร์ด 9 ม.ค. 66 ต่อยอดธุรกิจ Jet Fuel ปูทางขายน้ำมันเข้าสนามบินทั่วประเทศ
อ้างอิง: