×

สะพัด ‘บางจาก’ ทุ่ม 5 หมื่นล้านบาท ปิดดีลเทกโอเวอร์ ESSO จ่อชงบอร์ด 9 ม.ค. 66 ต่อยอดธุรกิจ Jet Fuel ปูทางขายน้ำมันเข้าสนามบินทั่วประเทศ

30.12.2022
  • LOADING...

รายงานข่าวระบุว่า บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP เตรียมประกาศปิดดีลเทกโอเวอร์กิจการ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO โดยจะนำวาระเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาอนุมัติในการประชุมวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ราคา 12-14 บาท มูลค่ารวม 4-5 หมื่นล้านบาท 

 

แหล่งข่าวระดับสูง บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ขอไม่แสดงความเห็นใดๆ กับกระแสข่าวที่บริษัทจะเข้าซื้อกิจการของ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) 

 

ด้านแหล่งข่าวระดับสูงในธุรกิจโรงกลั่น ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่า กรณีกระแสข่าวที่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น จะเข้าซื้อกิจการของ บมจ.เอสโซ่ มองว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจโรงกลั่นของ BCP เพราะปัจจุบันเป็นธุรกิจโรงกลั่นรายเดียวที่มีที่ตั้งของของโรงกลั่นอยู่ในเขตเมืองหรือในเขตพื้นกรุงเทพฯ 

 

ดังนั้น หากเกิดอุบัติเหตุอะไรที่คาดไม่ถึงจะมีความเสี่ยง ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ค่อนข้างยากกว่าเมื่อเปรียบกับโรงกลั่นแหล่งอื่นๆ ของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับในการทำธุรกิจที่มากกว่า

 

นอกจากนี้ยังเป็นการต่อยอดในธุรกิจน้ำมันอากาศยาน (Jet Fuel) ที่ บมจ.บางจาก ต้องการเน้นขยายธุรกิจนี้ที่มีมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มราคาน้ำมันที่สามารถกลั่นออกมาขายได้ในราคาที่ดี อีกทั้งในปีนี้ BCP ยังขยายธุรกิจเข้าไปในเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel (SAF) โดยร่วมกับพาร์ตเนอร์คือ บริษัท ธนโชคออยล์ ไลท์ จำกัด และ บมจ.บีบีจีไอ หรือ BBGI โดยตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาใหม่คือ บริษัท บีเอสจีเอฟ (BSGF) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิง SAF จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil) โดยใช้งบลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท

 

ขณะที่การซื้อหุ้น บมจ.เอสโซ่ จะเป็นการต่อยอดในธุรกิจ Jet Fuel จะส่งผลให้ BCP กลายเป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมใน บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ BAFS ซึ่ง ESSO เป็นผู้ถือหุ้นใน BAFS สัดส่วน 7.06% ซึ่ง BAFS เป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่ผูกขาดให้บริการระบบจัดเก็บ และเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานในสนามบินของประเทศไทย ดังนั้นเป็นโอกาสสำคัญที่จะขยายตลาดในธุรกิจ Jet Fuel 

 

โบรกมองบวก BCP เทกโอเวอร์ ESSO ช่วย Synergy ธุรกิจการตลาด 

ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย ระบุว่า สอบถามไปยัง BCP เกี่ยวกับข่าวดังกล่าว โดยผู้บริหาร BCP ยังปฏิเสธในประเด็นข่าวนี้ แต่หากเป็นจริง มีมุมมองเชิงบวกต่อการซื้อกิจการในครั้งนี้ (ยังไม่พิจารณาเรื่องราคาซื้อ) ด้วยเหตุผลดังนี้

  1. มี Potential Synergy ชัดเจน เช่น Technology โรงกลั่นที่ไม่เหมือนกันช่วยเกื้อกูลกันได้ ระบบรับน้ำมันดิบของ ESSO ช่วยให้ BCP ลดต้นทุนเช่าใช้คลังน้ำมันดิบได้ นอกจากนี้ยังมี Synergy เกี่ยวกับธุรกิจการตลาด 
  2. เพิ่มการประหยัดต่อขนาด และเพิ่มโอกาสให้ BCP สามารถขยายธุรกิจโรงกลั่นได้เพิ่มเติม (โรงกลั่น ESSO มีคอขวดค่อนข้างมาก) 
  3. ช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจโรงกลั่น BCP ที่มีที่ตั้งใน กทม. 

 

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาประเด็นราคา มองว่าระดับราคาที่ปรากฏในข่าวอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ค่อนไปทางสูงเล็กน้อย เพราะ 12-14 บาทเทียบเท่าการซื้อขายที่ PBV 1.25-1.46x และ EV/EBITDA ที่ 3.1-3.7x ในขณะที่ BCP ซื้อขายที่ระดับเพียง 0.73x Adjusted PBV และ 3.3x EV/EBITDA 

 

นอกจากนี้ ดีลซื้อขายโรงกลั่นล่าสุดในประเทศบราซิลเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ถูกซื้อขายกันที่ 750-800 ล้านดอลลาร์ หากปรับขนาดโรงกลั่นให้ใกล้เคียงกับ ESSO (ยังไม่รวมธุรกิจการตลาดและอะโรเมติกส์)

 

สำหรับในแง่แหล่งเงินเพื่อซื้อกิจการ แม้ BCP มีเงินสดในมือ 3.3 หมื่นล้านบาท และมีหนี้สินต่อทุนที่ 1.3 เท่า เรามองว่าค่อนข้างตึงหากจะต้องซื้อหุ้น ESSO ที่ระดับ 12-14 บาท เพราะเงินสด 80% ของ BCP เป็นของบริษัทลูก เช่น BCPG ที่เกิดจากการขาย Geothermal และเตรียมไว้ซื้อกิจการไฟฟ้าเพื่อลดผลกระทบของ Adder ของ Solar Farm ในไทยที่จะหมดลง

 

ดังนั้น เชื่อว่าจะต้องมีการจัดโครงสร้างการเงินหรือธุรกิจเพื่อการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ หรือระดับราคาที่เข้าซื้อนี้จะต้องเป็น Basis Zero Debt-Zero Cash ทั้งนี้ ESSO มีหนี้เงินกู้รวมประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3/65

 

และเชื่อว่าราคาหุ้น ESSO จะขึ้นไปชนกรอบบนของระดับราคาดังกล่าว จึงแนะนำให้นักลงทุนที่มีหุ้น ESSO อยู่ ‘ถือรอกำไร’ ที่ระดับราคา 14 บาท ในทางกลับกัน เราแนะนำให้ ‘ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว’ สำหรับ BCP หากมีความเชื่อว่าราคาซื้อ ESSO ต่ำกว่าระดับในเนื้อข่าว หรือมี Structure การ Finance Deal โดยไม่ทำให้เกิดการเพิ่มทุน

 

ทั้งนี้ หากคาดการณ์ราคาหุ้น ESSO ที่จะเข้าซื้อในช่วง 12-14 บาทต่อหุ้น หากเข้าซื้อจาก EXXONMOBIL ASIA HOLDINGS PTE.LTD. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 65.99% จะทำให้ BCP ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือ (Tender Offer) คาดว่าจะใช้เงินราว 4-5 หมื่นล้านบาท 

 

จึงให้ราคาเป้าหมายปัจจุบัน BCP อยู่ที่ 35.40 บาท ในขณะที่ ESSO อยู่ที่ 12.5 บาท

 

ทั้งนี้ โดยจะส่งผลให้ BCP จะมีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น 2.50 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.20 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่วนจำนวนสถานีบริการน้ำมันจะเพิ่มเป็น 2,140 แห่ง จากปัจจุบันที่มีประมาณ 1,300 สถานี


บทความที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising