ในรายงานภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2024 (World Economic Outlook 2024) ที่จัดทำโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยว่า เศรษฐกิจโลกในช่วงปี 2024-2025 ยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างมากจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ปัจจัยเหล่านี้สร้างความผันผวนให้กับระบบเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว THE STANDARD และ ศิรัถยา อิศรภักดี ผู้ดำเนินรายการ THE STANDARD WEALTH ได้รับเชิญเข้าร่วม ‘IMF Journalism Fellowship Program 2024 Annual Meetings’ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา
ภาพรวมเศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจโลกในปี 2024 คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3.2% และจะลดลงเล็กน้อยเหลือ 3.1% ในปี 2025 โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการฟื้นตัวของประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรป ขณะเดียวกันประเทศในเอเชีย เช่น จีนและอินเดีย ก็มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจและการแยกตัวทางเศรษฐกิจ (Decoupling) อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับความผันผวนและการเติบโตช้าลง
ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูแรงชาส์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ IMF ระบุว่า “ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในปี 2025 นั้นถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกคาดว่าจะใกล้ถึงเป้าหมายที่ธนาคารกลางของหลายประเทศตั้งไว้ แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ”
ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูแรงชาส์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ IMF
ปิแอร์ย้ำด้วยว่า “แม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว แต่ความเสี่ยงจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ยังคงสูงมาก รวมทั้งความตึงเครียดในตะวันออกกลางด้วย เช่น ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล เลบานอน และอิหร่าน ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้หลายประเทศเผชิญกับความท้าทายในการควบคุมเงินเฟ้อ”
อีกหนึ่งปัญหาสำคัญคือ หนี้สินของหลายประเทศที่อยู่ในภาวะย่ำแย่ เนื่องจากต้นทุนหนี้ที่สูงและความต้องการเงินทุนเพื่อการฟื้นตัว ซึ่งกดดันให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงในบางประเทศ อาทิ จีน ที่คาดว่าอัตราการเติบโตจะลดลงอยู่ที่ 4.8% ในปี 2024 และ 4.5% ในปี 2025 สาเหตุหลักมาจากความเปราะบางของภาคอสังหาริมทรัพย์
เครื่องบ่งชี้ที่ดีต่อเศรษฐกิจโลก
ข่าวดีของเศรษฐกิจโลกคือ เงินเฟ้อของหลายประเทศกำลังเข้าสู่ระดับเป้าหมายของธนาคารกลางภายในปี 2025 โดยไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว
3 สิ่งที่ต้องจับตาสำหรับเศรษฐกิจโลกนับจากนี้คือ
- นโยบายการเงิน โดยธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่นโยบายการเงินผ่อนคลาย
- นโยบายการคลัง ควรสร้างกันชนทางการคลัง (Fiscal Buffer) เพื่อรองรับกับความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
- เพิ่มศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
นอกจากนี้ธนาคารกลางควรดำเนินนโยบายการเงิน ด้วยการประเมินถึงสถานการณ์ความท้าทายที่จะเกิดขึ้นอีกมากในอนาคต
การชะลอตัวในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น จีนและอินเดีย เผชิญกับความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการแยกขั้วทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีน การแยกขั้วนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการค้าโลก แต่ยังทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว
ในปี 2024 คาดว่าอัตราการเติบโตของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะลดลงอยู่ที่ 4.2% เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก
สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยและภูมิภาคเอเชีย
สำหรับประเทศไทย รายงานของ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะเติบโตอยู่ที่ 2.8% ซึ่งตัวเลขต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย 5.0%, มาเลเซีย 4.8%, ฟิลิปปินส์ 5.8% และเวียดนาม 6.1%
ขณะที่ในปี 2025 คาดว่าไทยจะเติบโตที่ 3.0%, อินโดนีเซีย 5.1%, มาเลเซีย 4.4%, ฟิลิปปินส์ 6.1% และเวียดนาม 6.1%
กลุ่มประเทศ ASEAN-5 ซึ่งรวมถึงไทย คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 4.5% ในปี 2024 ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะการส่งออกและการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาเป็นปกติหลังวิกฤตโควิด
บทสรุป
เศรษฐกิจโลกในปี 2024 ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลแต่ละประเทศในการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และความสามารถในการปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การรักษาวินัยทางการคลังเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อคงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ธนาคารกลางของแต่ละประเทศจะประมาทไม่ได้ เมื่อเผชิญปัจจัยภายนอกที่สร้างความผันผวน แต่ในระยะอันใกล้ IMF เชื่อว่าการเติบโตน่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ ถ้าไม่มีปัจจัยอื่นนอกเหนือความคาดหมาย
สถิติและข้อมูลสำคัญจากรายงาน IMF
– อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 2024: 3.2%
– อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2025: 3.1%
– อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2024: 2.8%
– อัตราการเติบโตของกลุ่มประเทศ ASEAN-5 ในปี 2024: 4.5%
– อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2024: 4.8%