×

โจ ไบเดน จ่อปิดช่องโหว่ภาษีจีน จับตาสินค้า SHEIN-Temu อาจแพงขึ้นในสหรัฐฯ จนถึงขั้นเสียเปรียบคู่แข่งในตลาดฟาสต์แฟชั่น

14.09.2024
  • LOADING...
SHEIN Temu

จับตาสินค้าของ SHEIN และ Temu อาจแพงขึ้นในสหรัฐฯ หลัง โจ ไบเดน ประกาศแผนปิดช่องโหว่ยกเว้นภาษีนำเข้าพัสดุขนาดเล็กจากจีน ผลพวงที่ตามมาแน่ๆ คือทั้งสองบริษัทจะโตได้ช้ากว่าเดิม และอาจถึงขั้นเสียเปรียบคู่แข่งในตลาดฟาสต์แฟชั่น

 

ช่องโหว่ที่พูดถึงเรียกว่า ‘De Minimis Provision’ เป็นกฎหมายที่อนุญาตให้สินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ (ราวๆ 26,600 บาท) ไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้า และไม่ต้องถูกตรวจสอบที่ชายแดนเมื่อเข้ามาในสหรัฐฯ

 

เมื่อไม่นานมานี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จากพรรคเดโมแครต เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ใช้อำนาจบริหารปิดช่องโหว่ทางภาษีในการนำเข้าพัสดุมูลค่าต่ำจากจีน เพราะช่องโหว่ดังกล่าวเอื้อให้บริษัทอีคอมเมิร์ซอย่าง SHEIN และ Temu ได้รับผลประโยชน์โดยตรง

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ราคาสินค้าจาก SHEIN และ Temu อาจเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20%

 

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าจากจีน อาจทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะทำให้ราคาสินค้าจาก SHEIN และ Temu เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในอนาคต เพราะที่ผ่านมาวัยรุ่นชาวอเมริกันให้ความนิยมสินค้าจาก SHEIN และ Temu มากเพราะมีราคาถูก เช่น เสื้อยืดราคา 5 ดอลลาร์ (ราว 166 บาท) และเสื้อสเวตเตอร์ราคา 10 ดอลลาร์ (ราว 332 บาท)

 

Neil Saunders นักวิเคราะห์ค้าปลีก และกรรมการผู้จัดการของ GlobalData กล่าวต่อไปว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวจะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่หากมีการยกเลิก De Minimis ราคาสินค้าจากตลาดออนไลน์ เช่น SHEIN และ Temu จะสูงขึ้นแน่นอน ซึ่งทำให้แบรนด์เหล่านี้ไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้อย่างที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และที่เลวร้ายที่สุดอาจทำให้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดบางส่วน หรือทำให้การเติบโตช้าลง

 

ด้าน SHEIN และ Temu ออกมาโต้แย้งว่า ปัจจัยที่ทำให้สินค้าขายได้ในราคาต่ำนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับการยกเว้นทางภาษี แต่เป็นเพราะโมเดลธุรกิจที่มีนวัตกรรมและสามารถบริหารจัดการกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังไม่ได้พูดถึงว่าจะปรับขึ้นราคาหรือไม่ แต่ฝั่งโฆษกของ SHEIN กล่าวว่า บริษัทสนับสนุนการปฏิรูปกฎหมาย De Minimis และตกลงที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับพัสดุและการจัดส่งต่างๆ

 

ถึงคราว SHEIN และ Temu ถึงจุดเสียเปรียบในตลาดฟาสต์แฟชั่น

 

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา SHEIN และ Temu เป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ เนื่องจากมีสินค้าให้เลือกอย่างหลากหลายและมีราคาไม่สูงมาก จนทำให้บริษัท SHEIN มีรายได้ประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ส่วน Temu ยังไม่ชัดเจนว่ารายได้นั้นเป็นเท่าไร แต่บริษัทแม่ของ Temu ซึ่งก็คือ PDD Holdings มีรายได้ในปีงบประมาณ 2023 เพิ่มขึ้นถึง 90% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2022 เห็นได้ชัดว่าโตอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อบริษัทเหล่านี้กลายเป็นตัวเลือกหลักในตลาดแฟชั่น ทำให้สามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่ง เช่น H&M, ZARA และ Amazon ไปได้อย่างรวดเร็ว

 

แน่นอนว่าหากราคาสินค้าของ SHEIN เพิ่มขึ้น 20% ตามที่คาดการณ์ จะทำให้ทั้งสองแบรนด์เสียเปรียบจากการแข่งขัน ยกตัวอย่าง หากราคาสินค้าเฉลี่ยของเดรสใน SHEIN อยู่ที่ 28.51 ดอลลาร์ (ราว 947 บาท) ที่ผ่านมาราคานี้ถือว่าต่ำกว่าราคาสินค้าเฉลี่ยของเดรสที่ H&M และ Zara ซึ่งอยู่ที่ 40.97-79.69 ดอลลาร์ (ราว 1,362- 2,649 บาท)

 

หาก SHEIN ต้องเพิ่มราคาขึ้น 20% ราคาสินค้าเฉลี่ยของเดรสใน SHEIN จะอยู่ที่ 34.21 ดอลลาร์ (ราว 1,137 บาท) ซึ่งใกล้เคียงกับราคาสินค้าเฉลี่ยของ H&M มากขึ้น ต้องจับตาดูว่าสินค้าของ SHEIN จะเพิ่มขึ้น 20% หรือไม่ หลังจากข้อเสนอของรัฐบาลไบเดนมีผลบังคับใช้

 

และเมื่อพิจารณาร่วมกับระยะเวลาการจัดส่งที่ยาวนาน บวกกับส่วนลดที่น้อยลงเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ผู้บริโภคอาจเลือกซื้อสินค้าที่อยู่ใกล้บ้านมากขึ้น

 

ท้ายที่สุดแล้วการเปลี่ยนแปลงของการนำเข้าภาษีจะทำให้เกิดสนามแข่งขันที่ยุติธรรมและเท่าเทียมกันมากขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งก็จะทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินมากขึ้นเช่นกัน

 

อ้างอิง:

 

 
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising