×

จับตาดูปัจจัยที่จะหนุน Bitcoin ให้ทะลุ All Time High เหนือ 73,000 ดอลลาร์

01.08.2024
  • LOADING...

ราคา Bitcoin (BTC) ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ในกรอบประมาณ 65,000-70,000 ดอลลาร์ หลังจากที่ลดลงไปต่ำกว่า 55,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การฟื้นตัวต่อเนื่องของราคา Bitcoin ทำให้นักลงทุนกำลังคาดหวังว่าอาจเห็น Bitcoin ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 73,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อะไรจะเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้ราคาพุ่งสูง All Time High ได้อีกครั้ง

 

ตลาดจับตานโยบายสนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซีของ โดนัลด์ ทรัมป์

 

ทรัมป์ ผู้เคยวิจารณ์ Bitcoin เมื่อปี 2019 ได้เปลี่ยนจุดยืนมาสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลแล้ว โดยได้ขึ้นเวทีปราศรัยภายในงาน Bitcoin Conference 2024 ที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี กล่าวว่า หากเขาได้รับเลือกตั้ง รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะถือครอง Bitcoin ทั้งหมดที่ได้มาไว้ 100% ในอนาคต

 

ทรัมป์ยังพยายามเอาใจเหล่านักเทรดคริปโต โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะแต่งตั้งสภาที่ปรึกษาด้านคริปโต และจะสร้าง ‘คลัง Bitcoin ระดับชาติเชิงกลยุทธ์’ คำมั่นของเขายังรวมถึงการไล่ แกรี เจนส์เลอร์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกจากตำแหน่ง ซึ่งเจนส์เลอร์เป็นตัวร้ายที่ชุมชนคริปโตเกลียดชัง นโยบายของทรัมป์ทำให้ตลาดเกิดความเชื่อมั่นเชิงบวกเป็นอย่างมาก และผลักดันให้ราคาคริปโตพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ถือครอง BTC ไว้จำนวนมหาศาล แต่ก็มีการเทขายอยู่เสมอ ทำให้ตลาดวิตกกังวลกับผลกระทบต่อราคาในบางครั้ง ไบรอัน คอร์เชน ผู้จัดการสินทรัพย์ ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่าการนำ Bitcoin มาใช้เป็นสินทรัพย์สำรองของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของทรัมป์ในอนาคตนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

 

คอร์เชนชี้ให้เห็นถึงการถือครอง Bitcoin ของกระทรวงยุติธรรมจำนวนมหาศาลถึง 200,000 BTC ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่ที่สุด รองจากผู้สร้างนามแฝงอย่าง ซาโตชิ นากาโมโตะ ซึ่งหากรัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งสนับสนุน Bitcoin นี่อาจช่วยเปิดทางให้กระทรวงการคลังเริ่มสะสมและถือครองสินทรัพย์หายากนี้ในระยะยาว ทำให้เกิดการคาดเดาว่ารัฐบาลทรัมป์ในอนาคตอาจหมายถึงยุคใหม่ของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่ง Bitcoin จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินปัจจุบันอย่างสมบูรณ์

 

การสนับสนุนของรัฐบาลอาจเร่ง Mass Adoption สำหรับโลกคริปโต

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ Bitcoin จะได้รับความนิยมและถูกยอมรับจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่มีอิทธิพลระดับโลก เห็นได้จากการที่บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ Tesla เริ่มซื้อ Bitcoin เก็บไว้ในคลังบริษัทครั้งแรกมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 เหตุการณ์นี้ทำให้บริษัทเอกชนหลายแห่งทั่วโลกเริ่มถือครอง Bitcoin ไว้ในงบดุลของบริษัทด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหากทรัมป์สนับสนุนคริปโตอย่างที่ให้คำมั่นไว้ สิ่งนี้จะเพิ่ม Mass Adoption มากขึ้นอย่างแน่นอน

 

Open Interest ของ Bitcoin ที่สูงเป็นประวัติการณ์ บ่งชี้ว่าราคาอาจพุ่งทะลุในเร็วๆ นี้

 

จำนวนสัญญาที่มีการเปิดสถานะคงค้างอยู่ หรือที่เรียกว่า Open Interest เป็นสิ่งที่ใช้วัดความสนใจและสภาพคล่องของสินทรัพย์ การที่ Open Interest ของ Bitcoin เพิ่มขึ้นและยืนอยู่ใกล้ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนใน Bitcoin ที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณ Breakout ของราคาที่นำไปสู่การพุ่งทะลุระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่

 

 

นอกจากนี้ ตัวชี้วัดอื่นๆ ยังแสดงให้เห็นว่าราคา Bitcoin อาจอยู่ในเส้นทางที่จะทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้ โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เผยว่าผู้ถือครอง Bitcoin ระยะสั้นมากกว่า 75% ได้กำไร ซึ่งอาจส่งผลให้ BTC มีโมเมนตัมขาขึ้นมากขึ้น เนื่องจากกำไรของนักเทรดระยะสั้นมักใช้เป็นตัวชี้วัดความต้องการ Bitcoin ของรายย่อย

 

โอกาสลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก

 

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งจะตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool คาดการณ์ว่า Fed มีโอกาส 95.9% ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.5% และมีโอกาส 85.8% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเหลือ 5.0-5.25% ซึ่งจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม

 

นอกจาก Fed ธนาคารกลางอื่นๆ ทั่วโลกต่างก็เตรียมพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อตลาดคริปโต โดยปกติแล้วอัตราดอกเบี้ยที่สูงมักหมายถึงเงินที่น้อยลงสำหรับนักลงทุน ซึ่งลดความต้องการสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เช่น สกุลเงินดิจิทัลลง ส่งผลให้ราคาสกุลเงินดิจิทัลลดลงด้วย

 

อย่างไรก็ตาม โอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนกันยายนยังขึ้นอยู่กับรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ และอัตราการว่างงาน ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ด้วย รายงานเหล่านี้จะบ่งชี้ถึงทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ Fed เตรียมพร้อมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งนักลงทุนจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising