ผลงานการดีเบตที่ย่ำแย่อย่างมากของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อลงเลือกตั้งในสมัยที่สองเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอย่างใหญ่หลวง เพราะภาพของความอ่อนล้า สับสน และชราภาพของไบเดนที่ฉายออกมานั้น ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากเชื่อว่าเขาแก่เกินแกงที่จะมาเป็นผู้นำของโลกเสรีในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งความกังวลนี้ก็ได้สะท้อนออกมาในผลโพลที่ชี้ให้เห็นว่าคะแนนนิยมของไบเดนหายไปราวๆ 2-3% และทำให้คะแนนของเขาจากที่เคยสูสีกับทรัมป์ กลายมาเป็นรองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในมลรัฐสีม่วงหรือ Swing States ที่เขาตามถึงระดับ 5-7% เลยทีเดียว
เอาใบบัวมาปิดไม่มิด
ข่าวลือถึงเรื่องสุขภาพที่เสื่อมถอยของไบเดน โดยเฉพาะเรื่องโรคสมองเสื่อมนั้นมีมานานแล้ว และภาพของความอ่อนล้าและสับสนในการดีเบตนั้นก็ยิ่งตอกย้ำข่าวลือนี้ว่ามีมูลจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากการดีเบต สื่อมวลชนก็ได้ข้อมูลที่หลุดมาจากเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวว่า ความคิดความอ่านของไบเดนนั้นเสื่อมถอยไปจริงๆ และเขาก็ไม่สามารถทำงานติดๆ กันเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมงได้เหมือนช่วงที่เขาเป็นรองประธานาธิบดีของ บารัก โอบามา นอกจากนั้นทำเนียบขาวก็ยังถูกแฉว่าพวกเขาได้เรียกตัวอายุรแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคพาร์กินสันอย่าง นพ.แคนนาร์ด ของโรงพยาบาลวอลเตอร์รีดไปพบกับไบเดนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยที่ตอนแรกพวกเขาพยายามปิดบังว่าเป็นการพบปะกันธรรมดา ก่อนที่จะยอมรับในเวลาต่อมาว่า นพ.แคนนาร์ด ได้เข้าไปตรวจรักษาไบเดนจริงๆ
ข้อมูลทั้งหมดที่ถูกแฉออกมาเป็นการตอกย้ำว่าไบเดนมีปัญหาด้านสุขภาพจริงๆ และที่ผ่านมาทำเนียบขาวได้ปิดบังเรื่องนี้มาโดยตลอด
เปลี่ยนม้ากลางศึก
คะแนนนิยมของไบเดนที่ตกต่ำลงอย่างมากนั้น ทำให้นักการเมืองของเดโมแครตหลายคนกังวลว่าการเลือกตั้งในปี 2024 จะเป็นหายนะของพรรค เพราะคะแนนนิยมอันต่ำเตี้ยของไบเดนอาจจะทำให้พรรคสูญเสียที่นั่งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรไปด้วย
คำถามที่ผู้อ่านหลายคนอาจจะสงสัยก็คือ ในทางกฎหมายแล้วพรรคเดโมแครตสามารถเปลี่ยนตัวผู้แทนพรรคในการลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีได้หรือไม่ คำตอบก็คือได้ เพราะพรรคยังไม่ได้โหวตให้ไบเดนเป็นผู้แทนพรรคอย่างเป็นทางการ จนกว่าจะมีการประชุมใหญ่ของพรรค (Democrats National Convention) ที่มหานครชิคาโกในวันที่ 19-22 สิงหาคมที่จะถึงนี้
ซึ่งถ้าพรรคเดโมแครตจะเปลี่ยนม้ากลางศึกจากไบเดนจริงๆ รองประธานาธิบดีของเขาอย่าง คามาลา แฮร์ริส ถือได้ว่าน่าจะเป็นตัวเลือกเดียวที่จะเป็นไปได้ เพราะผู้แทนพรรคคนใหม่จะมาจากการ ‘สรรหา’ ในที่ประชุมใหญ่ของพรรค ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งขั้นต้นแบบปกติ ทำให้พรรคต้องเลือกคนที่มีความชอบธรรมจริงๆ ซึ่งแฮร์ริสในฐานะเบอร์สองในทำเนียบขาวก็น่าจะครองความชอบธรรมนี้อยู่ และการที่เธอเป็นสตรีผิวสีก็น่าจะยิ่งสร้างความพึงพอใจให้กับชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่เป็นฐานเสียงหลักของพรรค (การเลือกคนอื่นที่ไม่มีความชอบธรรมในตัวเองแบบแฮร์ริสน่าจะนำไปสู่ความโกลาหลและการฟาดฟันกันเองในที่ประชุมใหญ่ของพรรค)
สถานการณ์ยังคงเปลี่ยนแปลงวันต่อวัน
ว่ากันตามจริง ผู้ที่จะตัดสินว่าไบเดนจะเป็นผู้แทนพรรคต่อไปหรือไม่ก็คือตัวไบเดนเอง เพราะเขาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งขั้นต้นและเป็นนักการเมืองผู้เดียวที่มีจำนวน Delegates มากพอจะชนะการเลือกตั้งในที่ประชุมใหญ่ของพรรค รายงานข่าวแจ้งว่าไบเดนยังเชื่อว่าตัวเองแข็งแรงพอที่จะเป็นประธานาธิบดีต่ออีก 4 ปี และไม่มีแผนการที่จะถอนตัวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวเช่นกันว่านักการเมืองในพรรคจำนวนมากหมดความศรัทธาในตัวไบเดนแล้ว โดยที่พวกเขารู้สึกว่าตัวเองถูกทำเนียบขาวปิดบังเรื่องปัญหาสุขภาพของไบเดนมาโดยตลอด และพยายามจะกดดันให้ไบเดนถอนตัวให้แฮร์ริสขึ้นมาเป็นผู้แทนพรรคแทน
ล่าสุด ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครต 11 คน และสมาชิกวุฒิสภาอีก 1 คน ที่ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าพวกเขาต้องการให้ไบเดนถอนตัวจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะที่ผู้นำของพรรคอย่าง ฮาคีม เจฟฟรีส์, แนนซี เพโลซี และ ชัค ชูเมอร์ ก็ให้สัมภาษณ์แบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าจะสนับสนุนไบเดนต่อไปหรือไม่ นอกจากนั้นผู้บริจาคของพรรคหลายคนก็เริ่มออกมากดดันให้พรรคเปลี่ยนตัวไบเดนเช่นกัน โดยพวกเขาข่มขู่ว่าจะเลิกบริจาคให้พรรคหากไบเดนยังเป็นผู้แทนพรรคอยู่ รวมทั้งดาราคนดังอย่าง จอร์จ คลูนีย์ ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยระดมทุนให้พรรคมาหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย
สุดท้ายจะลงเอยอย่างไร ยังต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด
เกาะติด การเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ได้ที่ เว็บไซต์พิเศษ : เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 และ Facebook : THE STANDARD
ภาพ: Demetrius Freeman / The Washington Post via Getty Images