กลุ่มวิจัย Nyan Lin Thit ของเมียนมา ซึ่งติดตามการกระทำโหดร้ายของรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมา เผยแพร่รายงานผลการศึกษาวิจัยล่าสุด พบว่าการโจมตีทางอากาศของ กองทัพเมียนมา เพื่อปราบปรามฝ่ายต่อต้านในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ คร่าชีวิตพลเรือนไปแล้วอย่างน้อย 359 คน ในจำนวนนี้รวมเด็ก 61 คน และ 161 คน ถูกแรงระเบิดทำลายสภาพศพจนไม่สามารถระบุเพศได้ และมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 756 คน
การโจมตีทางอากาศโดยพุ่งเป้าพลเรือนของกองทัพเมียนมาเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่มีการก่อรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 โดยจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจาก 63 ครั้งในปี 2021 เป็น 260 ครั้งในปี 2022
ขณะที่ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีการโจมตีทางอากาศอย่างน้อย 819 ครั้ง หรือแทบทุกวัน โดยรัฐยะไข่ตกเป็นเป้าหมายบ่อยที่สุด 187 ครั้ง รองลงมาคือเขตสะกายที่ 119 ครั้ง ซึ่งผลการโจมตียังทำลายอาคารทางศาสนา 50 แห่ง โรงเรียน 38 แห่ง และศูนย์สุขภาพ 11 แห่ง
นักวิเคราะห์ทางทหารประเมินว่าการโจมตีทางอากาศทั่วเมียนมาจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากกองกำลังภาคพื้นดินของกองทัพเมียนมาเผชิญความพ่ายแพ้และสูญเสียดินแดนในหลายพื้นที่ ทั้งรัฐกะฉิ่น รัฐฉานตอนเหนือ รัฐยะไข่ รัฐกะเรนนี รัฐชิน และรัฐกะเหรี่ยง
โดยการโจมตีทางอากาศมีเป้าหมายเพื่อหยุดยั้งกองกำลังของฝ่ายต่อต้านและกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ ไม่ให้สามารถสร้างเสถียรภาพและความสงบสุขในดินแดนที่ยึดครองไปได้
นอกจากนี้ทางกลุ่มยังรายงานข้อกล่าวหาที่พบว่า กองทัพเมียนมามีการใช้อาวุธเคมีในการโจมตีฝ่ายต่อต้านอย่างน้อย 6 ครั้งในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ รวมถึงในรัฐยะไข่ รัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยง และเขตสะกาย
ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต
ภาพ: Thierry Falise / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: