SoftBank บริษัทด้านการลงทุนแบบร่วมทุน (Venture Capital) สัญชาติญี่ปุ่น ประกาศปรับทิศทางการลงทุนของบริษัทไปเป็นแบบเชิงรุกใน AI (Artificial Intelligence) และอุตสาหกรรมที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น หลังผลประกอบการพลิกมามีกำไร 2 ไตรมาสติดต่อกันจากมูลค่าหุ้น ARM Holdings ที่พุ่งสูงขึ้น
หลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของหุ้น ARM ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ช่วยให้ SoftBank ซึ่งเข้าลงทุนใน ARM ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ทำมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (Net Asset Value) ในปัจจุบันของ SoftBank เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว สู่ระดับ 1.78 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6.23 ล้านล้านบาท
Yoshimitsu Goto ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ SoftBank กล่าวว่า ด้วยความเข้มแข็งทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทางบริษัทจะเริ่มไปลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทใหม่ๆ มากขึ้น
Yoshimitsu กล่าวเพิ่มเติมว่า การไม่รับความเสี่ยงกำลังเป็นความเสี่ยงของบริษัทอยู่ในตอนนี้ เช่นเดียวกับแนวคิดของ Masayoshi Son ผู้ก่อตั้ง SoftBank ที่จะกลับมาลงทุนเชิงรุกใน AI และเซมิคอนดักเตอร์มากยิ่งขึ้น หลังการขาดทุนมูลค่ากว่า 620 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.17 หมื่นล้านบาท จากกองทุน Vision Fund ที่เน้นลงทุนในสตาร์ทอัพเป็นหลัก และทำให้กองทุนขาดทุนอย่างหนักจนนำไปสู่การขายสินทรัพย์จำนวนมากทิ้งในภายหลัง ทำให้บริษัทมีเงินสดในมือมากถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2024
จากข้อมูลของ Bloomberg ที่รายงานช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพบว่า Masayoshi เล็งลงทุนกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.5 ล้านล้านบาท ในบริษัทที่เกี่ยวกับชิปเพื่อมาแข่งขันกับ NVIDIA
ซึ่งทาง SoftBank อาจต้องขายทำกำไรในหุ้น ARM, T-Mobile และ Deutsche Telekom เพื่อนำเงินไปลงทุนต่อ เหมือนที่เคยทำเช่นเดียวกันกับหุ้น Alibaba
ปัจจุบันสถานการณ์การเงินของ SoftBank ยังมีระดับหนี้สินต่อมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่เพียง 8.4% เท่านั้น เทียบกับกรอบเป้าหมายของบริษัทที่ 25% ซึ่ง Masayoshi ใช้เป็นตัวเลขในการตรวจสอบสุขภาพของบริษัทตนเอง
โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา SoftBank รายงานผลกำไรที่ 1.48 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.18 หมื่นล้านบาท เทียบกับผลการขาดทุนในไตรมาส 1 ปี 2023 ที่สูงถึง 369 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.29 พันล้านบาท
อ้างอิง: