×

กำลังซื้อทองคำของจีน ปัจจัยสำคัญหนุนราคาทองคำ ท่ามกลางสัญญาณ Fed ตรึงอัตราดอกเบี้ยสูง-ยาวนาน

30.04.2024
  • LOADING...
ราคาทองคำ

ปัจจุบันราคาทองคำยังคงพยายามรักษาการเคลื่อนไหวในทิศทางฟื้นตัวขึ้น หลังมีการเหวี่ยงตัวลงจากระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งล่าสุดที่ 2,431.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยการปรับตัวลงดังกล่าวมาจากทั้งแรงขายทำกำไร และอีกปัจจัยที่สำคัญคือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกาที่ดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับสูง ประกอบกับในเวลาต่อมาเมื่อสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่านนั้นผ่อนคลายลง ราคาทองคำจึงได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลง

 

หลังสถานการณ์ในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง นอกจากทำให้การถือครองสินทรัพย์ลดลงแล้ว ยังทำให้นักลงทุนหันมาเพิ่มการตอบสนองต่อประเด็นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มากยิ่งขึ้น สะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยในช่วงที่ราคาทองคำสร้างระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ กระแสคาดการณ์หลักของตลาดต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของ Fed นั้นได้ถูกปรับให้มีทิศทางที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ สร้างระดับสูงสุดใหม่ของปี 2024 ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ราคาทองคำเหวี่ยงตัวลงอย่างรุนแรงเกือบ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ภายหลังการขึ้นไปแตะระดับสูงสุดดังกล่าว

 

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาการสร้างระดับสูงสุดตลอดกาลของราคาทองคำในช่วงก่อนครั้งล่าสุดพบว่า ในช่วงเวลานั้นนักลงทุนยังไม่ได้ตอบสนองต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างเข้มข้น เพียงเฝ้าจับตาความคืบหน้าของสถานการณ์ ขณะเดียวกันกระแสคาดการณ์ต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของ Fed ได้ถูกปรับให้มีความเข้มงวดขึ้นเรื่อยมา หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขยับช่วงการเคลื่อนไหวขึ้นตาม ซึ่งราคาทองคำที่สามารถสร้างระดับสูงสุดใหม่ได้จึงนับว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติของตลาดเท่าไรนัก

 

จากความไม่ปกติดังกล่าว หลายฝ่ายจึงมองหาปัจจัยพื้นฐานเพิ่มเติมที่ส่งเสริมการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีการพุ่งเป้าไปที่การเข้าซื้อทองคำของประเทศผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีน

 

อนึ่ง แม้ว่าจีนเป็นกำลังซื้อทองคำของโลก แต่ราคาทองคำมีความอ่อนไหวต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องด้วยธุรกรรมซื้อขายทองคำอยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar-Denominated Transactions) เป็นหลัก ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และปัจจัยเบื้องหลังอย่างอัตราดอกเบี้ยของ Fed นั้นมีอิทธิพลต่อราคาทองคำมากกว่าโดยเปรียบเทียบ ดังนั้นหากกำลังซื้อทองคำของจีนขึ้นมามีอิทธิพลเหนือทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จึงนับเป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจของตลาดทองคำ

 

รายงานการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางจีน (PBOC) อย่างต่อเนื่องถือเป็นหนึ่งในข้อมูลสนับสนุนที่สำคัญสำหรับประเด็นข้างต้น โดย PBOC มีการเพิ่มปริมาณทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ (International Reserve) ราว 314.00 ตัน สู่ระดับ 2,262.00 ตัน ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2024 นับเป็นการเพิ่มขึ้นในการถือครองราว 14% ขณะที่มูลค่ามีการเพิ่มขึ้นราว 44%

 

ทั้งนี้ปัจจัยที่กระตุ้นให้ PBOC เพิ่มการถือครองทองคำคาดว่ามาจากความต้องการลดอิทธิพลของทางการสหรัฐฯ เนื่องด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรสหรัฐฯ สามารถส่งผ่านผลกระทบจากทั้งนโยบายการเงินของ Fed และนโยบายเศรษฐกิจของฝ่ายรัฐบาล หรือกล่าวได้ว่าเป็นความต้องการเพิ่มความเป็นอิสระจากทางสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับการลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ในทุนสำรองของ PBOC ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี

 

แนวโน้มการเพิ่มการถือครองทองคำของ PBOC ถูกคาดการณ์ว่าจะยังคงดำเนินต่อไป และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นมากกว่าในปัจจุบัน ตามความเป็นไปได้ต่อความตึงเครียดที่อาจเพิ่มสูงขึ้นของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนในระยะข้างหน้า

 

อย่างไรก็ดี การเข้าซื้อทองคำที่แข็งแกร่งของจีนไม่ได้เกิดจากฝั่งทาง PBOC อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงนักลงทุนและผู้บริโภครายย่อยอีกด้วย โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สมาคมทองคำแห่งประเทศจีน (China Gold Association: CGA) รายงานว่า ปริมาณการบริโภคทองคำในไตรมาส 1 ปี 2024 อยู่ที่ 308.91 เพิ่มขึ้นราว 5.94% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า สอดคล้องกับปริมาณการนำเข้าทองคำที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน

 

การเข้าซื้อทองคำของผู้บริโภคนั้นถูกชี้นำด้วยมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจจีน อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนที่ผ่านมา ประกอบกับค่านิยมของคนจีนที่มองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์คุ้มภัยที่ดีในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีเช่นในปัจจุบันของจีน ส่งผลให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการถือครองมากยิ่งขึ้น แต่การบริโภคของกลุ่มนี้อาจถูกจำกัดด้วยราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้น

 

ขณะที่การเข้าซื้อทองคำของกลุ่มผู้ลงทุนนั้น นอกจากความต้องการเพิ่มทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยแล้ว ยังเกิดขึ้นจากเก็งกำไรในทิศทางการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายรายให้ความเห็นว่า การซื้อขายทองคำของกลุ่มนี้อาจมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา และอาจช่วยหนุนให้ราคาทองคำยังรักษาการทรงตัวในระดับสูงในระยะต่อไปด้วยเช่นกัน

 

อนึ่ง ระดับการเปิดสถานะซื้อในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Futures Exchange: SHFE) ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.95 แสนสัญญา หรือคิดเป็นปริมาณทองคำอ้างอิงที่ราว 295 ตัน ในช่วงก่อนสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน นอกจากนั้นมูลค่าการซื้อขายใน SHFE ในเดือนมีนาคมและเมษายนยังพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า

 

ทั้งหมดนี้นับเป็นข้อมูลสนับสนุนที่สำคัญในการบ่งชี้ว่า ความเคลื่อนไหวในตลาดทองคำจีนกำลังก้าวขึ้นมามีอิทธิพลขับเคลื่อนราคาทองคำได้เทียบเท่ากับปัจจัยที่สำคัญอย่างค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ 

 

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางรายอย่าง Marcus Garvey หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Macquarie Group ชี้ว่า ปริมาณการซื้อขายของทองคำที่พุ่งขึ้นดังกล่าวโดยส่วนมากเป็นเพียงการเก็งกำไรในระยะสั้น ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าแนวโน้มการซื้อขายที่เพิ่มของจีนมีส่วนกระตุ้นการเก็งกำไรของนักลงทุนในพื้นที่อื่นทั่วโลก หรืออาจกล่าวได้ว่าการเข้าซื้อทองคำที่แข็งแกร่งของจีนมีส่วนเพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางราคาทองคำ อันกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายในทองคำเพิ่มขึ้น ซึ่งนับเป็นเพียงปัจจัยร่วมในการขับเคลื่อนราคาทองคำ

 

อีกประการหนึ่ง วายแอลจีประเมินว่า ความต้องการซื้อทองคำที่อยู่ในระดับสูงมีแนวโน้มกระตุ้นให้จีนจำเป็นต้องนำเข้าทองคำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนกดดันให้เงินหยวนอ่อนค่าลง สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้ PBOC จำกัดการนำเข้าทองคำได้ในอนาคต ดังที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นความต้องการซื้อทองคำจากผู้ลงทุนและผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงนี้อาจเป็นสถานการณ์เพียงระยะหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการบริโภคทองคำของจีนในปัจจุบันยังคงมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดทองคำ ซึ่งหากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนยังคงจมอยู่ในมุมมองเชิงลบต่อไป ก็มีแนวโน้มที่ผู้บริโภคและนักลงทุนจีนอาจยังคงเพิ่มการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง อันหนุนให้ราคาทองคำสามารถรักษาการเคลื่อนไหวในทิศทางปรับตัวขึ้น

 

กระนั้นภายหลังนักลงทุนผ่อนคลายความกังวลในสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่านลงนั้น ได้มีการเพิ่มการตอบสนองต่อประเด็นอัตราดอกเบี้ยของ Fed มากยิ่งขึ้น จึงแนะนำให้ติดตามทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของราคาทองคำในช่วงไตรมาส 2 นี้

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising