ดูเหมือนว่าขณะนี้เหล่านักช้อปจะเริ่มรัดเข็มขัดการจับจ่ายสินค้าลักชัวรีกันแล้ว เพราะมีการรายงานว่ารายได้ของ LVMH ลดลง 2% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งก็เป็นดั่งสัญญาณการสิ้นสุดของการเฉลิมฉลองยุคหลังโควิดที่กินเวลาหลายปี เมื่อกลุ่มลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและยุโรปชะลอการช้อปปิ้งจากสินค้าที่ราคาสูงขึ้น
LVMH มียอดขายตั้งแต่ต้นปี 2024 จนถึงวันที่ 31 มีนาคมทั้งหมดอยู่ที่ 20.69 หมื่นล้านยูโร โดยหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้อัตราการเติบโตของยอดขายสินค้าลักชัวรีเริ่มชะลอตัวลงก็คือการที่ยอดขายสินค้าในเครือบริษัทเกิดความซบเซา ส่วนในด้านยอดขายแบบออร์แกนิกของหมวดหมู่หลักจาก LVMH อย่างสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังก็เพิ่มสูงขึ้น 2% ในขณะที่ไตรมาสที่แล้วเพิ่มขึ้น 9% ตามการคาดการณ์ของผลวิเคราะห์เช่นเดียวกัน
สำหรับสินค้าประเภทนาฬิกาและจิวเวลรีของ LVMH มียอดขายแบบลดลง 2% ส่วนไวน์และเครื่องดื่มต่างๆ มียอดขายลดลง 12% ในขณะที่หมวดหมู่น้ำหอมกับเครื่องสำอางมียอดขายสูงขึ้น 7% ส่วนหมวดหมู่ Selective Retailing มียอดขายสูงขึ้น 11%
ถึงแม้ว่ายอดขายจะซบเซาลง แต่ซีเอฟโอของ LVMH อย่าง Jean-Jacques Guiony ก็ได้ออกมาเผยว่า ทางบริษัทไม่มีแพลนที่จะเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าลักชัวรีแต่อย่างใด อีกทั้งจะยังคงเพิ่มราคาโปรดักต์สำคัญบางตัวในไตรมาสแรก โดยเต็มใจที่จะรอให้ยอดขายกลับมาพุ่งสูงอีกครั้งแม้จะต้องผ่านช่วงที่กลุ่มลูกค้าชะลอการซื้อสินค้าก็ตาม นอกจากนั้นแบรนด์สำคัญในเครืออย่าง Louis Vuitton ก็ไม่มีความตั้งใจใดๆ ในการดันโปรดักต์อย่างกระเป๋าผ้าแคนวาสแทนเครื่องหนังให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งน้อยกว่ากลุ่มลูกค้าหลัก ซึ่งขณะนี้ราคาของ Louis Vuitton ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เช่น กระเป๋ารุ่น Speedy 25 ที่มีราคา 1,000 ดอลลาร์ ในปี 2019 แต่ ณ ปัจจุบันราคาได้เพิ่มเป็น 1,550 ดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ลูกค้าหลายรายไม่สามารถจับจ่ายสินค้าจากแบรนด์ดังได้อย่างที่เคยเป็น
ภาพ: Chesnot / Getty Images
อ้างอิง: