กกร. คงเป้า GDP ปี 2567 ที่ 2.8-3.3% ชี้เศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ ส่งออกยังฟื้นตัวช้า การท่องเที่ยวยังไม่กลับเข้าสู่ระดับเดิม กำลังซื้อภายในประเทศทรุดหนักจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ 0.7-1.2%
วันนี้ (6 มีนาคม) เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้คงอยู่ที่ 2.8-3.3% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอจากหลายปัจจัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ! กกร. คาด GDP ปีนี้โต 2.8-3.3% ระบุ กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% ส่งผลทั้งบวกและลบ
- กางเกงช้างและปรากฏการณ์สินค้าจีนทะลักไทย กำลังบอกอะไร? เรื่องเก่าเล่าใหม่ที่อาจไม่เหมือนเดิม
- เปิดบันทึก FDI ย้อนหลัง 10 ปี ‘ไทย’ อยู่ตรงไหน เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียน
ความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลกกระทบการส่งออก
โดยแม้ว่าภาคการส่งออกจะมีแนวโน้มกลับมาขยายตัว แต่คาดว่าทั้งปีมูลค่าการส่งออกจะเติบโตในระดับต่ำที่ 2-3% แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกมีปัจจัยเสี่ยง ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มแผ่วลง ส่วนจีนนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังมีจำกัด
รวมไปถึงปัญหาวิกฤตในทะเลแดง ส่งผลให้ค่าระวางเรือยังอยู่ในระดับสูง ปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของภาคการส่งออกสินค้าไทยอย่างมาก
“อุตสาหกรรมไทยที่พึ่งพาการส่งออกมีการผลิตอยู่ในระดับต่ำ โดยการส่งออกในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีมูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้องลุ้นให้การส่งออกต่อเดือนอยู่ในระดับนี้จะเป็นผลดีกับไทย ซึ่งจำเป็นต้องหาตลาดส่งออกใหม่ๆ ที่มีศักยภาพกว่านี้”
แนะรัฐบาลหนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติจับจ่ายเพิ่ม
สำหรับภาคการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวได้ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิดถึง 50% เนื่องจากชาวจีนหันไปท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นหลัก แม้ว่าจะมีมาตรการฟรีวีซ่าที่นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาบ้าง
“ขณะนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในบ้านเรา จีนขึ้นมารั้งอันดับ 1 แล้ว อันดับ 2 คือมาเลเซีย และอันดับ 3 คือรัสเซีย คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ 34-35 ล้านคน แต่เราอาจจะต้องมีสิ่งที่ดึงดูดเงินในกระเป๋าของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมาแต่ละคนจะมีค่าใช้จ่าย 40,000 บาทต่อคนต่อการเดินทางเข้าประเทศไทยหนึ่งครั้ง ดังนั้นจะต้องทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยเป็น 50,000 บาทต่อคนต่อหัว”
กกร. จึงอยากให้ภาครัฐผลักดันใช้ซอฟต์พาวเวอร์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ใช้จ่ายมากขึ้น
หนี้ครัวเรือนกดดันเศรษฐกิจไทย
สำหรับภาวะเงินเฟ้อที่ลดลงส่วนหนึ่งมาจากมาตรการภาครัฐที่มาพยุง แต่มาตรการนี้มีระยะเวลา ซึ่งหากดูจากสภาพเศรษฐกิจยังเปราะบาง กำลังซื้อยังแย่ หนี้ภาคครัวเรือนแตะ 90.9%
แม้ภาครัฐจะเข้ามาแก้ปัญหา แต่ก็เพิ่งเริ่มต้น ซึ่งน่าห่วงว่าปัญหาหนี้สินอสังหา บ้านและรถถูกยึด ธนาคารไม่กล้าปล่อยกู้ เพราะกำลังซื้อภายในประเทศอ่อนแอ จะเป็นปัจจัยกดดันการบริโภคและหนี้ครัวเรือน อีกทั้งขอให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร โดยพิจารณาตามความเหมาะสมของสถานะกองทุนและงบประมาณคลัง
นอกจากนี้ กกร. ให้ความสำคัญกับกลไกการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศผ่านร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติรับหลักการ ในฐานะภาคเอกชน ขอให้ทบทวนการวางหลักประกันความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมในการขออนุญาตประกอบกิจการ ควรนำเอาระบบการซื้อประกันภัยมาใช้ทดแทนในกรณีที่เกิดความเสียหาย การกำหนดมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วย
ด้าน กอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย ระบุถึงกรณีที่กระทรวงการคลังเดินหน้าออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ว่าเป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดกว้างมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งภาคธนาคารจะต้องเตรียมการและรับมือให้มากขึ้น ถือเป็นการเปิดกว้างให้มีการแข่งขัน ขณะเดียวกัน ธปท. ให้ธนาคารของรัฐบาลร่วมทุนบริหารหนี้เสียนั้นมองว่าเป็นเรื่องที่ดี
ภาพ: Alexander Spatari/ Getty Images