“ตอนนี้เราบุกเมืองหลักมาหมดแล้ว ดังนั้นโอกาสต่อไปที่เรามองคือเมืองรอง ซึ่งเราไม่ได้ต้องการสร้างแค่ศูนย์การค้าเท่านั้น แต่เราลงทุนเป็นมิกซ์ยูสที่จะก่อให้เกิดการสร้างย่านใหม่ที่จะเข้ามายกระดับเศรษฐกิจและศักยภาพของโลเคชันให้โดดเด่นออกมา”
นี่คือคำตอบของ ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ที่กล่าวต่อหน้าสื่อมวลชนในวันที่เปิดตัว ‘เซ็นทรัล นครสวรรค์’ โครงการมิกซ์ยูสที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 5,800 ล้านบาท
‘เซ็นทรัล นครสวรรค์’ ประกอบด้วย ศูนย์การค้าฯ พื้นที่ GBA 133,300 ตารางเมตร, คอนเวนชันฮอลล์, โรงแรม และอีกหนึ่งองค์ประกอบในโครงการมิกซ์ยูสเซ็นทรัล นครสวรรค์ คือโครงการ Escent Nakhon Sawan (เอสเซ็นท์ นครสวรรค์) คอนโดมิเนียมแห่งแรกใจกลางเมือง สูง 19 ชั้น รวม 442 ยูนิต
ที่นี่ยังเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่มี Medical Hub สร้างบริการสำหรับผู้สูงอายุ และ Wellness Zone เชื่อมโยงกับโรงพยาบาลสินแพทย์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และ Multi-Generation Space ขนาด 2 ไร่อีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 3 ปีในการทำให้โครงการสมบูรณ์
ดร.ณัฐกิตติ์ ย้ำว่า นครสวรรค์เป็นเมืองที่มีศักยภาพแข็งแกร่งในทุกมิติ โดยเซ็นทรัลพัฒนาพร้อมพลิกโฉมให้นครสวรรค์เป็นเมืองเศรษฐกิจแห่งใหม่ของภาคกลางตอนบน ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมืองสู่ระดับภูมิภาค
โดยชูศักยภาพเมืองให้เป็น New Rising Economic City แห่งภาคกลางตอนบน สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่ได้ประกาศยกระดับนครสวรรค์เป็น 1 ใน 10 จังหวัดเมืองรอง นำร่องสู่เมืองท่องเที่ยวหลัก นครสวรรค์จึงเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญระดับภูมิภาคที่เชื่อมโยงภาคเหนือและภาคกลาง เป็น Logistic Hub สำคัญที่มีโปรเจกต์ Future Infrastructure รถไฟความเร็วสูงสายเหนือและรถไฟทางคู่สายนครสวรรค์-แม่สอด สามารถ Cross Border ไปยังกลุ่ม CLMV ในอนาคตได้
จากข้อมูล ชาวนครสวรรค์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Multi-Generation Families ครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน มีกำลังซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์คนเมือง จากสำนักงานสถิติจังหวัดนครสวรรค์ ปี 2564 GPP หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดนครสวรรค์ กว่า 109,000 ล้านบาท มากเป็นอันดับ 3 ของภาคเหนือ รองจากอันดับ 1 อย่างเชียงใหม่และกำแพงเพชร มีรายได้ต่อครัวเรือน 21,000 บาทต่อเดือน
“เราตั้งเป้าทราฟฟิกช่วงเปิดศูนย์การค้าฯ 25,000 คนต่อวัน ครอบคลุม Catchment Area กว่า 1.57 ล้านคน รวม 6 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, พิจิตร, ลพบุรี และกำแพงเพชร โดยวันธรรมดา 80% มาจากลูกค้าที่เป็นคนในท้องถิ่น แต่ในวันหยุดเชื่อว่าลูกค้าข้างเคียงจะเพิ่มเป็น 40%” ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว