ในปี 2023 ถือว่าเป็นหนึ่งในปีที่เกิดเหตุการณ์มากมายบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะภาวะสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ การล้มละลายของธนาคารชั้นนำหลายแห่ง อาทิ Silicon Valley Bank (SVB) รวมไปถึงการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลก จนทำให้สินทรัพย์ทางการเงินหลายชนิดปรับตัวลง ซึ่งตลาดหุ้นไทย (SET) ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับผลกระทบ โดยตลาดหุ้นไทย (SET) และดัชนีหุ้นจีน ทำผลตอบแทนจากต้นปี (YTD) -17.54% และ -12.51% ตามลำดับ
แต่ในปีนี้กลับเป็นปีที่เหรียญคริปโตปรับตัวขึ้นมาทำผลตอบแทนชนะหลายสินทรัพย์ทั่วโลก โดยจากข้อมูลของเดือนธันวาคม Bitcoin, Ethereum และ XRP สามารถทำผลตอบแทนจากต้นปี (YTD) 131.15%, 67.52% และ 81.05% ตามลำดับ
ไม่เพียงเท่านั้น ในปี 2023 ยังมีเหตุการณ์ที่สำคัญบนโลกคริปโตอีกมากมาย ทีมงาน THE STANDARD WEALTH จึงได้รวบรวมเหตุการณ์เหล่านั้นมาอยู่ในบทความนี้
Paxos โดนระงับการออก BUSD
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ Paxos บริษัทผู้ออกเหรียญ Stablecoin อย่าง BUSD ให้กับ Binance ถูกหน่วยงานบริการทางการเงินของนิวยอร์ก (NYDFS) ระงับการให้บริการดังกล่าว พร้อมถูกตั้งข้อกล่าวหาจาก ก.ล.ต.สหรัฐฯ ว่าเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้รับการลงทะเบียน ทำให้เหรียญ BUSD เสียส่วนแบ่งทางการตลาดเบอร์ต้นของโลกให้กับ Stablecoin อื่นๆ พร้อมกับต้องออกเหรียญ Stablecoin ชนิดใหม่ ‘TUSD’ มาในภายหลัง
Coinbase ฝากเงินไว้ใน SVB ที่ล้มละลายมูลค่ากว่า 240 ล้านดอลลาร์
ในช่วงเดือนมีนาคมของปี 2023 เกิดเหตุการณ์สำคัญบนโลกการเงิน นั่นคือการเกิดภาวะขาดสภาพคล่องของ Silicon Valley Bank ธนาคารเบอร์ต้นสำหรับเหล่าสตาร์ทอัพและ Venture Capital ฝากเงินไว้
ซึ่ง Coinbase Global แพลตฟอร์มเทรดคริปโตชื่อดังก็ออกมาประกาศว่า ฝากเงินสำรองของเหรียญ USDC ไว้ในธนาคารดังกล่าวกว่า 240 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8,400 ล้านบาท เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่บริษัทค้ำประกันเงินฝากของสหรัฐฯ (FDIC) จะปิดระงับการฝากถอนเงินจากธนาคารดังกล่าว
จนทำให้เหรียญ Stablecoin ของบริษัทอย่าง USDC หลุดจากการตรึงมูลค่าที่ 1 ดอลลาร์จากการเสียความเชื่อมั่น ก่อนที่ทีมผู้บริหารของ Coinbase และ Circle จะออกมายืนยันว่า จะได้รับเงินฝากคืน 100% ทำให้ USDC กลับไปยืนได้ที่ 1 ดอลลาร์ตามเดิม
แซม อัลต์แมน เปิดตัวโครงการคริปโตเหรียญ Worldcoin (WLD)
เมื่อกลางปีที่ผ่านมา (กรกฎาคม) แซม อัลต์แมน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI เปิดตัวอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่เขาทำอยู่ซึ่งเกี่ยวกับคริปโต นั่นคือ Worldcoin (WLD) เพื่อเป็นเหรียญสกุลเงินของโลก โดยจะนำเทคโนโลยีสแกนม่านตามาใช้
เนื่องจากในโลกปัจจุบันและอนาคตที่กำลังจะมาถึงนี้ เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ระบบการยืนยันตัวตนไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างมนุษย์และโรบอต ทาง Worldcoin จึงต้องการเข้ามามีบทบาทในการแยกความแตกต่างระหว่างมนุษย์และโรบอตผ่านการสแกนม่านตา
หลายกองทุนยื่นขออนุมัติออก Bitcoin และ Ethereum Spot ETF
ในช่วงกลางปีที่ผ่านมานี้ ได้เกิดแรงฮือฮาครั้งใหญ่ต่อวงการคริปโต หลัง BlackRock บริษัทจัดการการลงทุนชั้นนำของโลก ได้ยื่นอนุมัติขอออกกองทุน Bitcoin Spot ETF ต่อ ก.ล.ต.สหรัฐฯ จนทำให้กองทุนอื่นๆ อย่าง Invesco, WisdomTree และ Bitwise ยื่นขอออกกองทุนดังกล่าวตามมา
โดยนักวิเคราะห์และเหล่านักลงทุนต่างมองว่า การยื่นขอออก Spot คริปโต ETF จะทำให้สถาบันเชื่อมั่นต่อการลงทุนในคริปโตมากขึ้น และมีกระแสเงินไหลเข้ามาในกองทุนดังกล่าวจำนวนมาก ทำให้นักลงทุนแห่เก็งกำไรใน Bitcoin กันล่วงหน้า จนดันราคาขึ้นไปมากกว่า 50% (YTD) ในช่วงกลางปีที่ผ่านมานี้
โด ควอน โดนตัดสินจำคุกในมอนเตเนโกร 4 เดือน
ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โด ควอน อดีตประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Terraform Labs เจ้าของโปรเจกต์ Terra ถูกตัดสินจำคุก หลังจากถูกควบคุมตัวในประเทศมอนเตเนโกรเป็นระยะเวลา 4 เดือน โทษฐานปลอมแปลงเอกสารการเดินทาง เพื่อรอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีในประเทศเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จากการสร้างความเสียหายกับแพลตฟอร์ม Terra เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
ตลาด NFTs ฟองสบู่แตก
ในเดือนกันยายนของปี 2023 จากข้อมูลของ dappGambl พบว่า 95% ของ NFTs (Non-Fungible Tokens) ได้กลายเป็นเพียงไฟล์ดิจิทัลที่ไม่เหลือมูลค่าไปแล้ว จากที่หลายชิ้นเคยมีมูลค่าสูงถึงหลายสิบล้านบาทในช่วงตลาดฟองสบู่ของ NFTs เมื่อ 2 ปีก่อนหน้า ซึ่งในรายงานดังกล่าวยังพบว่า 69,795 NFTs จาก 73,257 NFTs มีมูลค่าตามตลาดเหลือที่ ‘0’ ETH หรือจะเรียกว่าไร้มูลค่าเลยก็ว่าได้
ในขณะที่จากข้อมูลช่วงเดือนกรกฎาคมของ CoinGecko เผยว่าราคาฟลอร์ของคอลเล็กชัน NFT ‘Bored Ape Yacht Club’ (BAYC) ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 กรกฎาคม) ดิ่งลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 20 เดือน มาอยู่ที่บริเวณ 27.4 ETH (ราคาต่ำสุดที่ต้องการขาย ณ ขณะนั้น) จากจุดสูงสุดในช่วงเมษายนปี 2022 ที่ 153.7 ETH หรือคิดเป็นการปรับตัวลงกว่า 82.1% (โดยไม่คิดความเปลี่ยนแปลงของราคา ETH ร่วมด้วย)
Satang Pro ขายให้กลุ่ม KBank
ในช่วงปลายเดือนตุลาคมก็มีประกาศออกมาว่า KBank ธนาคารชั้นนำของไทย นำบริษัทลูก Unita Capital เข้าซื้อหุ้นของ Satang Corporation เป็นจำนวน 97% ในขณะที่ยังเหลือไว้อีก 3% เป็นของผู้ถือหุ้นเดิมอย่าง Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตรายแรกของไทย และมีใบอนุญาตภายใต้การกำกับดูแลจาก ก.ล.ต. เพื่อเดินหน้ารุกธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มที่ พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘Orbix Trade’
แซม แบงก์แมน ฟรายด์ โดนตัดสินโทษจำคุกนานถึง 110 ปี
ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ (2023) แซม แบงก์แมน ฟรายด์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง FTX แพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ล้มละลายไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนของปีก่อนหน้า (2022) ถูกตัดสินจากศาลนิวยอร์กของสหรัฐฯ ให้มีโทษจำคุกนาน 110 ปี จากการมีความผิดในข้อหาฉ้อโกง การยักยอกเงิน และสมรู้ร่วมคิดทางอาญา รวม 7 ข้อหา
จากที่แซมเคยเป็นหนึ่งในเจ้าพ่อวงการคริปโต และเป็นหนึ่งในคนอายุน้อยที่ได้ขึ้นหน้าปกนิตยสาร Forbes ด้วยวัยเพียง 31 ปี และเคยมีสินทรัพย์รวมกว่า 26,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 9 แสนล้านบาท ในช่วงก่อนที่แพลตฟอร์ม FTX จะล่มสลาย
CZ วางมือจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance หลังแพลตฟอร์มโดนข้อหาจากรัฐบาลสหรัฐฯ
ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน CZ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Binance ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการยุติคดีความ หลังจากที่แพลตฟอร์มโดนตั้งข้อหาจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ว่ามีการละเมิดกฎการต่อต้านการฟอกเงิน พร้อมค่าปรับแพลตฟอร์มมูลค่ากว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท
ในขณะที่ CZ เองก็ต้องนำพันธบัตรส่วนตัวมาวางเป็นเงินประกันตัวมูลค่ากว่า 175 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6 พันล้านบาท ก่อนในท้ายที่สุดจะตกลงจ่ายค่าปรับส่วนตัวกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) กว่า 50 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.7 พันล้านบาท
Zipmex ยื่นข้อเสนอคืนเงิน 3.35% กับเจ้าหนี้
ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน Zipmex แพลตฟอร์มเทรดคริปโตชั้นนำของไทย ที่เผชิญปัญหาขาดสภาพคล่องในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2022 ได้ออกมาเสนอคืนเงินสูงสุด 3.35% ของเจ้าหนี้ ซึ่งเงินดังกล่าวจะมาจากสินทรัพย์ที่รวบรวมได้ โดย Zipmex ประเทศไทย มีเจ้าหนี้ที่เป็นลูกค้ารวม 83,298 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้รวม 98 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.4 พันล้านบาท
แต่ทั้งนี้ในช่วงต้นเดือนธันวาคม ทางอดีตพนักงานระดับสูงของ Zipmex ก็ออกมาเผยว่า เดิม Zipmex ประเทศไทย เคยมีหนี้อยู่ที่เพียง 60 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.1 พันล้านบาท แต่มีการเพิ่มขึ้นมากว่า 30 ล้านดอลลาร์ จากการที่ผู้บริหารนำเงินของลูกค้าที่ติดอยู่ไปใช้จ่ายในส่วนคดีความ แทนที่จะนำเงินมาคืนลูกค้า
ซึ่งแหล่งข่าวก็ออกมาแสดงความเห็นว่า เหล่าผู้ได้รับผลกระทบไม่ควรโหวตรับข้อเสนอดังกล่าว แต่ควรตั้ง Creditor Committee ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ และเปิดเผยข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ทุกคนได้รับทราบ