จับตาทิศทางค่าเงินเยนของญี่ปุ่น หลังดัชนี Nikkei 225 แตะระดับสูงสุดในรอบ 33 ปี หนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยน อย่างไรก็ตาม PIMCO เชื่อว่านี่คือเวลาซื้อเงินเยนเพื่อเตรียมรับกับการเปลี่ยนมาใช้นโยบายการเงินตึงตัวของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในอนาคต
วานนี้ (20 พฤศจิกายน) ดัชนี Nikkei ปรับตัวขึ้น 0.8% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 1990 ก่อนที่พลิกกลับย่อตัวลง 0.6% ปิดตลาดที่ 33,388.03 จุด จากค่าเงินเยนที่พลิกแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยหลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบปีนี้
นักลงทุนกำลังจับตาภาวะตลาดหุ้นในช่วงวันหยุดยาวทั้งในญี่ปุ่นและสหรัฐฯ และผลประกอบการของ NVIDIA ในวันอังคารนี้ ที่เป็นแนวโน้มสำคัญสำหรับหุ้นเทคโนโลยี ซึ่ง Hirokazu Kabeya หัวหน้านักยุทธศาสตร์ระดับโลกของ Daiwa Securities เชื่อว่ายังขาดข่าวดีที่จะทำให้ดัชนี Nikkei ไต่สู่ระดับ 34,000 จุด
ในปีนี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้นประมาณ 28% โดยได้รับแรงหนุนจากเงินเยนอ่อนค่าที่ยืดเยื้อ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท และการปฏิรูปการกำกับดูแลกิจการที่ได้รับการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียว
ดัชนีปรับตัวขึ้น 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อ่อนตัว เป็นสัญญาณที่อาจบ่งชี้ว่านโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของสหรัฐฯ ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
ขณะที่ Pacific Investment Management ทยอยซื้อเงินเยน โดยเดิมพันว่าธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) จะถูกกดดันให้ดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเร็วขึ้น โดยบริษัทเริ่มสร้างสถานะซื้อเงินเยนเมื่อค่าเงินอ่อนตัวลงเกิน 140 เยนต่อดอลลาร์เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
Emmanuel Sharef ผู้จัดการกองทุนของ PIMCO ระบุว่า “ในขณะที่เรายังคงเห็นอัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง BOJ จะต้องละทิ้งหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และในที่สุดอาจมีความจำเป็นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย”
เงินเยนอ่อนค่าลงมากกว่า 12% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้ สร้างความผิดหวังให้กับหลายๆ คนในวอลล์สตรีท ที่คาดการณ์ว่าค่าเงินจะแข็งค่าขึ้นจากการสลับตำแหน่งในการดำเนินนโยบายการเงินระหว่าง Fed และ BOJ แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น แต่นักเศรษฐศาสตร์กำลังคาดการณ์ล่วงหน้าว่า BOJ จะเปลี่ยนไปดำเนินนโยบายในระดับปกติเมื่อใด
เงินเยนร่วงลงสู่ 151.91 เยนต่อดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ และเป็นสกุลเงินที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดในปีนี้ สำหรับ 10 สกุลเงินหลักที่ใช้ในโลก แม้ว่า BOJ ได้ผ่อนคลายการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนแล้วก็ตาม
ในขณะที่ BOJ ค่อยๆ ดำเนินการทีละเล็กทีละน้อยที่นำไปสู่การเข้มงวดทางนโยบาย เช่น การให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีมีช่องว่างที่กว้างขึ้น จากการขยายเพดานเดิมที่ 1% แต่จนถึงขณะนี้นโยบายที่ปรากฏยังคงล้มเหลวในการกระตุ้นค่าเงินให้แข็งค่าอย่างยั่งยืน กองทุนที่มีเลเวอเรจเพิ่มสถานะชอร์ตสุทธิของเงินเยนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 ในขณะที่นักยุทธศาสตร์หลายคนคาดการณ์ว่าเงินเยนจะยังมีจุดอ่อนต่อไป
อ้างอิง: