วันนี้ (19 พฤศจิกายน) AP และ ESPN สองสื่อชื่อดังรายงานว่าแฟน F1 รวมตัวกันฟ้องลาสเวกัส กรังด์ปรีซ์ หลังถูกบังคับให้ออกจากสนามก่อนการแข่งขันรอบ FP2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 พฤศจิกายน) ตามเวลาประเทศไทย
สำนักงานกฎหมาย Dimopoulos ร่วมกับ JK Legal & Consulting ยื่นเรื่องต่อศาลมลรัฐเนวาดา เพื่อฟ้องต่อศึก F1 ลาสเวกัส กรังด์ปรีซ์ และลิเบอร์ตี มีเดีย ฝ่ายจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง เรียกร้องค่าเสียหายอย่างน้อย 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.05 ล้านบาท
ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากในรอบฝึกซ้อมรอบแรก หรือ FP1 รถของ คาร์ลอส เซนซ์ นักขับสเปนจากทีมเฟอร์รารี ประสบอุบัติเหตุหลังขับไปทับฝาท่อ ส่งผลให้เกิดอาการบัมป์และแชสซีเสียหาย
หลังจากนั้นมีการเรียกธงแดงเพื่อจัดการกับรอยท่อรอบสนาม และต้องยุติการแข่งขันในรอบ FP1 ซึ่งใช้เวลายาวนานราว 2 ชั่วโมงครึ่ง จนทางฝ่ายจัดการแข่งขันต้องให้ผู้ชมออกจากสนามเพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจร
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อแฟนๆ บางกลุ่ม ซึ่งพวกเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะจ่ายค่าตั๋วไปแล้วแต่ไม่ได้ชมการแข่งขัน
โดยทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้เสนอการชดเชยเป็นส่วนลด 200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7,000 บาท เพื่อใช้ในร้านขายของที่ระลึกอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการชดเชยเฉพาะผู้ที่ถือตั๋ววันเดียวเท่านั้น แต่แฟนส่วนใหญ่ซึ่งมีบัตรผ่านสามวันรู้สึกว่าพวกเขายังไม่ได้รับการชดเชย ส่งผลให้มีการรวมตัวกันฟ้องในครั้งนี้
ขณะที่ลาสเวกัส กรังด์ปรีซ์ แถลงการณ์ว่า ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินคดีได้ โดยย้ำว่า “เป้าหมายของเราคือการทำให้มั่นใจว่าแฟนๆ ของเรามีประสบการณ์ความบันเทิงในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรามาเสมอ”
ขณะที่ สเตฟาโน โดเมนิคาลี ประธาน F1 และ เรเน วิล์ม CEO ของลาสเวกัส กรังด์ปรีซ์ ให้สัมภาษณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า พวกเขากันผู้ชมออกจากสนามด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
“เราทุกคนเคยไปงานอีเวนต์ต่างๆ เช่น คอนเสิร์ต เกม และแม้แต่การแข่งขัน F1 สนามอื่นๆ แต่ต้องถูกยกเลิกเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพอากาศ หรือปัญหาทางเทคนิค ซึ่งเมื่อมันเกิดขึ้น เราหวังว่าผู้คนจะเข้าใจ”
อ้างอิง: