×

ประมวลสถานการณ์สู้รบอิสราเอล-ฮามาส ความเสี่ยงสงครามขยายวง กับวิกฤตมนุษยธรรมที่ยัง ‘ไร้ทางออก’

02.11.2023
  • LOADING...
สถานการณ์สู้รบอิสราเอล-ฮามาส

เป็นระยะเวลาเกือบ 1 เดือนที่สงครามในฉนวนกาซาปะทุขึ้น ภายหลังการโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ทำให้กองทัพอิสราเอลเปิดฉากสงครามโต้กลับ เริ่มจากการทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องไม่เว้นวัน ตามด้วยปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินที่ค่อยๆ ขยายความเข้มข้น

 

ผลการโจมตีอิสราเอลของฮามาสทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,400 คน และมีผู้ถูกจับเป็นตัวประกันมากกว่า 240 คน ในจำนวนนี้มีแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบเสียชีวิต 32 คน บาดเจ็บ 19 คน และถูกจับไป 22 คน ตามข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ

 

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ที่ดำเนินการโดยฮามาสระบุว่า มีชาวปาเลสไตน์ในกาซาเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลแล้วมากกว่า 8,700 คน และในจำนวนนี้เป็นเด็กกว่า 3,600 คน 

 

สถานการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นส่งผลให้วิกฤตมนุษยธรรมในกาซาเลวร้ายลงเรื่อยๆ และยังไม่มีท่าทีว่าจะบรรเทาหรือสามารถพูดคุยหาทางออกได้ เนื่องจากอิสราเอลประกาศอย่างชัดเจนว่าจะแก้แค้นและทำลายกลุ่มฮามาสจนสิ้นซาก 

 

อิสราเอลกำลังทำอะไรในกาซา

 

เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศเป้าหมายที่ชัดเจนของสงครามครั้งนี้ คือการทำลาย ‘ศักยภาพ’ ทั้งด้านการทหารและการเมืองของกลุ่มฮามาส ตลอดจนปลดปล่อยตัวประกันทั้งหมดที่ถูกฮามาสจับไป

 

ในการแถลงผ่านทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม เนทันยาฮูกล่าวว่า สงครามในกาซาได้เข้าสู่ระยะที่ 2 หลังกองทัพอิสราเอล (Israel Defense Forces: IDF) ขยายปฏิบัติการบุกภาคพื้นดิน และเพิ่มการโจมตีทางอากาศมากขึ้นเพื่อถล่มเป้าหมาย โดยเฉพาะอุโมงค์และโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มฮามาส

 

IDF เผยว่า ตอนนี้มีกำลังทหารอิสราเอลหลายหมื่นนาย พร้อมรถถังและปืนใหญ่ อยู่ในพื้นที่พรมแดนรอบนอกและในกาซา โดยก่อนหน้านี้อิสราเอลยังได้ระดมกำลังพลสำรองกว่า 3 แสนนาย เพิ่มจากกำลังทหารที่มีอยู่แล้วกว่า 1.6 แสนนายด้วย

 

การโจมตีที่รุนแรงและหนักหน่วงมากขึ้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตบางวันมากถึงหลายร้อยคน หลายครั้งก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ขณะที่เกิดการประท้วงเรียกร้องให้หยุดยิงในหลายประเทศ 

 

โดยที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติด้วยคะแนนโหวต 121 ต่อ 14 เสียง เรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม พร้อมคุ้มครองพลเรือนในกาซาที่กำลังเผชิญความทุกข์ยากจากการโจมตีของอิสราเอล

 

แต่ผู้นำอิสราเอลปฏิเสธที่จะหยุดยิง พร้อมระบุว่า มติดังกล่าวเป็นการเรียกร้องให้อิสราเอลยอมจำนนให้ฮามาส

 

กองทัพอิสราเอลเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา อิสราเอลได้โจมตีเป้าหมายของฮามาสในกาซารวมแล้วมากกว่า 1.1 หมื่นเป้าหมาย ขณะที่มีทหารอิสราเอลเสียชีวิตรวมแล้วกว่า 330 นาย ซึ่งการสู้รบภาคพื้นดินในกาซาเมื่อวันอังคาร (31 ตุลาคม) ทำให้ทหารอิสราเอลเสียชีวิตไป 15 นาย 

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานแน่ชัดว่าสมาชิกฮามาสเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลไปมากน้อยแค่ไหน แต่ตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏรายงานผู้บัญชาการกองกำลังฮามาสหลายคนเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอล 

 

รายล่าสุดคือ อิบราฮิม บิอารี ผู้บัญชาการกองพันจาบาเลีย ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการโจมตีวันที่ 7 ตุลาคม และ มูฮัมหมัด อาซาร์ ผู้บัญชาการหน่วยขีปนาวุธต่อต้านรถถังของฮามาส ซึ่ง IDF ยืนยันวานนี้ (1 พฤศจิกายน) ว่าถูกกำจัดแล้ว หลังเครื่องบินรบของอิสราเอลโจมตีทางอากาศในค่ายผู้อพยพที่เมืองจาบาเลีย ซึ่งเป็นค่ายผู้อพยพขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา 

 

โดย IDF ระบุว่า ฮามาสใช้ค่ายผู้อพยพแห่งนี้เป็นฐานบัญชาการ ขณะที่กลุ่มฮามาสอ้างว่า การโจมตีค่ายผู้อพยพจาบาเลียทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกว่า 400 คน 

 

พื้นที่ปลอดภัยไม่มีจริง?

 

ที่ผ่านมาอิสราเอลมีการประกาศเตือนให้พลเรือนปาเลสไตน์นับล้านต้องอพยพออกจากพื้นที่ตอนเหนือของกาซาลงไปอยู่ทางใต้ แต่ในบางจุดซึ่งอิสราเอลบอกให้อพยพไปนั้นก็ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด

 

รายงานจากสำนักข่าว BBC เผยให้เห็นว่า มีการโจมตีใส่พื้นที่ปลอดภัยและค่ายผู้อพยพที่อิสราเอลบอกให้พลเรือนในกาซาไปลี้ภัย

 

หนึ่งในจุดปลอดภัยที่อิสราเอลเตือนพลเรือนให้อพยพไป แต่กลับเกิดการโจมตีทางอากาศภายหลังคือ เมืองข่านยูนิส (Khan Yunis) และเมืองราฟาห์ (Rafah) ทางใต้ของกาซา

 

โดยอิสราเอลเตือนให้พลเรือนปาเลสไตน์อพยพไปยัง 2 เมืองดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม แต่ต่อมาในวันที่ 10 ตุลาคมกลับเกิดการทิ้งระเบิดโจมตีที่เมืองข่านยูนิส และในวันถัดมาก็เกิดการโจมตีทางอากาศที่เมืองราฟาห์

 

ขณะที่ค่ายผู้อพยพในเมืองจาบาเลียไม่ใช่ค่ายผู้อพยพในกาซาแห่งแรกที่ถูกโจมตี โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมก็เกิดการโจมตีทางอากาศที่ค่ายอัล-บูเรจ ทางตอนกลางของกาซา และวันที่ 18 ตุลาคมที่ค่ายอัล-นูเซรัต ซึ่งอยู่ใกล้เคียง โดยอิสราเอลก็เตือนพลเรือนให้อพยพไปยังค่ายแห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมเช่นกัน

 

ความเคลื่อนไหวของฮามาส

 

สำหรับฐานที่มั่นหลักของกลุ่มฮามาสที่ใช้โจมตีตอบโต้อิสราเอลคือ เครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินความยาวนับร้อยกิโลเมตร ซึ่งนอกจากใช้เป็นที่ซ่อนตัวและกักเก็บอาวุธและเสบียงอาหารแล้ว ยังเชื่อว่าใช้เป็นที่คุมขังตัวประกันที่จับไปด้วย

 

โดยที่ผ่านมากลุ่มฮามาสมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า นักรบฮามาสสามารถออกจากอุโมงค์ไปทำการโจมตีอิสราเอลด้วยการยิงจรวดหรือใช้โดรนโจมตี ซึ่งคาดว่าฮามาสมีทางเข้าออกอุโมงค์เหล่านี้ในกาซานับพันจุด ทำให้ยากต่อการโจมตีของอิสราเอล 

 

การขยายปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินของกองทัพอิสราเอล พร้อมการสนับสนุนทางอากาศและทางทะเล พุ่งเป้าทำลายเครือข่ายอุโมงค์เหล่านี้ โดยปฏิบัติการในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา IDF เผยว่า มีการโจมตีวันละหลายร้อยเป้าหมาย และสามารถทำลายขีปนาวุธต่อต้านรถถังและแท่นปล่อยจรวดใต้ปล่องอุโมงค์ รวมถึงฐานที่มั่นใต้ดินของฮามาสในบางจุด

 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสประกาศอย่างไม่เกรงกลัวว่า พร้อมรับมือกับการบุกภาคพื้นดินของอิสราเอล โดยแถลงการณ์ล่าสุดจาก อาบู อูไบดา โฆษกกองพลน้อยอัลกัสซัมของกลุ่มฮามาส เผยว่า นักรบฮามาสได้ปะทะอย่างดุเดือดกับกองทัพอิสราเอลใน 3 แนวรบ ซึ่งทำให้มีทหารอิสราเอลจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต อีกทั้งยังสามารถทำลายยานพาหนะทางทหารของอิสราเอลไปได้กว่า 20 คัน และชี้ว่าฉนวนกาซาจะเป็น ‘สุสาน’ สำหรับผู้รุกราน

 

ความเสี่ยงสงครามขยายวง

 

สำหรับกลุ่มฮามาสนั้นมีพันธมิตรสำคัญคือ กลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ซึ่งมีกองกำลังและอาวุธในระดับกองทัพ และได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ไม้เบื่อไม้เมาของอิสราเอลเช่นเดียวกัน 

 

การโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอล โดยเฉพาะการขยายการบุกสู่ภาคพื้นดิน ทำให้ทั้งอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์แสดงความไม่พอใจและเตือนให้อิสราเอลหยุดยิง ก่อนที่สงครามจะขยายวงสู่ระดับภูมิภาค 

 

โดย ฮอสเซน อามีร์-อับดุลลาเฮียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน เตือนก่อนหน้านี้ว่า “เหล่าทหารเลบานอนและปาเลสไตน์ (ฮิซบอลเลาะห์และฮามาส) ผู้ภักดีต่ออิหร่าน พร้อมที่จะลั่นไกในกรณีที่มีปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินในกาซา”

 

ขณะที่ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นักรบของฮิซบอลเลาะห์ได้ยิงจรวดโจมตีจากตอนใต้ของเลบานอนเข้าสู่ตอนเหนือของอิสราเอล แต่การโจมตียังเป็นไปอย่างจำกัดและไม่ยกระดับ ท่ามกลางการเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือของอิสราเอล

 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่ฮิซบอลเลาะห์จะเข้าร่วมสงครามต่อต้านอิสราเอลนั้นยังเป็นคำถามที่หลายฝ่ายสงสัย โดยนักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุที่อาจทำให้ฮิซบอลเลาะห์ลังเลใจที่จะเปิดแนวรบกับอิสราเอลเนื่องจากปัจจัยสำคัญคือ ภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ย่ำแย่ และอาจถึงขั้นทรุดหนักหากทำสงคราม และการเข้าร่วมของฮิซบอลเลาะห์อาจจุดชนวนให้สหรัฐฯ เข้าช่วยเหลืออิสราเอลเต็มตัว จากที่แค่สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ

 

อับดัลลาห์ บู ฮาบิบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเลบานอน ซึ่งติดต่อใกล้ชิดกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ยืนยันว่า ชาวเลบานอนทั้งหมดรวมถึงฮิซบอลเลาะห์ ‘ไม่ต้องการสงคราม’ โดยเขาได้พูดคุยกับฮิซบอลเลาะห์แล้ว และเชื่อว่าฮิซบอลเลาะห์จะไม่เริ่มสงคราม แต่ไม่มั่นใจว่าอิสราเอลจะเป็นฝ่ายเริ่มสงครามอีกด้านหรือไม่ ซึ่งเขาเตือนว่า หากการโจมตีในฉนวนกาซาเลวร้ายลง หรืออิสราเอลเพิ่มการโจมตีในเลบานอน กลุ่มฮิซบอลเลาะห์อาจรู้สึกกดดันมากขึ้นให้ต้องตอบโต้

 

นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวที่เสี่ยงต่อการขยายตัวของสงครามมากขึ้นจากอีกตัวแสดงสำคัญคือ กลุ่มกบฏฮูตี (Houthi) ในเยเมน ที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน และสนับสนุนปาเลสไตน์เช่นกัน

 

โดยเมื่อวันอังคาร (31 ตุลาคม) IDF รายงานว่า ได้ทำการสกัดการโจมตีทางอากาศจากกลุ่มฮูตี ขณะที่โฆษกของกลุ่มฮูตียืนยันว่า มีการยิงขีปนาวุธและโดรนโจมตีเป้าหมายในอิสราเอล ซึ่งถือเป็นการพยายามโจมตีครั้งที่สามเพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ และกลุ่มฮูตียังมีแผนโจมตีอิสราเอลอีกจนกว่าการรุกรานฉนวนกาซาจะยุติลง

 

สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซา

 

องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า ‘ภัยพิบัติด้านสาธารณสุข’ กำลังจะเกิดขึ้นในฉนวนกาซา โดยโรงพยาบาล 1 ใน 3 ไม่เปิดดำเนินการ และที่เหลือแทบไม่สามารถรับรักษาผู้ป่วยได้ เนื่องจากขาดแคลนเชื้อเพลิงและเวชภัณฑ์

 

หลังจากที่อิสราเอลประกาศให้พลเรือนทางตอนเหนือของกาซาอพยพลงใต้เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม จนถึงตอนนี้คาดว่ามีพลเรือนอพยพลงใต้แล้วราว 1.4 ล้านคน

 

ที่เมืองข่านยูนิส ซึ่งปกติมีประชากรอาศัยอยู่ราว 4 แสนคน ตอนนี้มีประชากรเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.2 ล้านคน ทำให้เกิดความแออัดอย่างมาก หลายครอบครัวต้องแชร์บ้านกัน หรือนอนในเต็นท์ และกว่า 6 แสนคนอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานบรรเทาทุกข์ของสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ (UNRWA)

 

UN ยังเตือนผลกระทบจากการปิดล้อมของอิสราเอล ทำให้ตอนนี้ในกาซามีปริมาณน้ำสำหรับบริโภคเพียง 5% ของปริมาณน้ำตามปกติในแต่ละวัน โดยการเสียชีวิตของทารกจากภาวะขาดน้ำกำลังเป็นอีก ‘ภัยคุกคาม’ ที่เพิ่มมากขึ้น

 

ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ (29 ตุลาคม) มีรายงานเหตุชาวปาเลสไตน์ในกาซาหลายพันคนบุกเข้าไปในคลังเก็บเสบียงอาหารและสิ่งบรรเทาทุกข์ของ UNRWA โดยพากันขโมยแป้งสาลีและสิ่งของยังชีพขั้นพื้นฐานอื่นๆ เช่น อุปกรณ์เพื่อสุขอนามัย

 

ปกติแล้วในช่วงก่อนสงครามจะมีรถบรรทุกเสบียงอาหารและสิ่งของจำเป็นเข้าไปในฉนวนกาซามากถึงวันละ 500 คัน แต่การปิดล้อมของอิสราเอลทำให้ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีรถบรรทุกความช่วยเหลือสามารถข้ามจุดผ่านแดนราฟาห์ซึ่งติดกับอียิปต์ เข้าไปในฉนวนกาซาได้เพียงไม่กี่สิบคัน

 

ทั้งนี้ อิสราเอลไม่อนุญาตให้ขนส่งเชื้อเพลิงเข้าไปในกาซา เนื่องจากมองว่ากลุ่มฮามาสสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหารได้ นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า กลุ่มฮามาสมีเชื้อเพลิงกักตุนไว้หลายแสนลิตร แต่ไม่ยอมมอบให้กับหน่วยงานช่วยเหลือต่างๆ

 

ชะตากรรมตัวประกัน

 

สำหรับตัวประกันที่กลุ่มฮามาสจับไว้นั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อแลกตัวกับนักโทษชาวปาเลสไตน์กว่า 5,000 คนที่อยู่ในเรือนจำอิสราเอล 

 

ที่ผ่านมาทางโฆษกของฮามาสระบุว่า มีตัวประกันชาวอิสราเอลอยู่ราว 250 คน และชาวต่างชาติอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งพวกเขาให้การดูแลและต้อนรับตัวประกันชาวต่างชาติอย่างดี

 

จนถึงตอนนี้กลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันออกมาแล้ว 4 คน เป็นหญิงสูงอายุชาวอิสราเอล 2 คน และ 2 แม่ลูกชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นการปล่อยตัวภายใต้หลักการด้านมนุษยธรรม

 

ขณะที่ล่าสุดกลุ่มฮามาสเผยว่า จะปล่อยตัวประกันต่างชาติจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ระบุสัญชาติและจำนวนที่แน่ชัด

 

ในส่วนของแรงงานไทยที่ถูกฮามาสจับเป็นตัวประกัน ตัวเลขตามที่กระทรวงการต่างประเทศระบุอยู่ที่ 22 คน โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ช่วยเหลือคนไทยให้กลับถึงประเทศไทยแล้ว 7,282 คน

 

ขณะที่ อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาช่วยเหลือตัวประกันคนไทย เผยวานนี้ว่า ได้พบกับตัวแทนของกลุ่มฮามาสในกรุงเตหะรานของอิหร่านเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งทางฮามาสให้คำรับรองว่า ตัวประกันชาวไทยจะได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยในเวลาที่เหมาะสม

 

ภาพ: Ali Jadallah / Anadolu via Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising