SET Index วานนี้ (26 กันยายน) ปิดที่ 1,494.02 จุด ทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน และปิดการซื้อขายระดับต่ำสุดของวันลดลง 13.34 จุด หรือ 0.88% จากวันก่อนหน้า มูลค่าซื้อขาย 55,612.57 ล้านบาท
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า SET Index ที่ปรับตัวลดลงแรงในวานนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังมีความกังวลต่อเนื่องว่าแนวโน้มดอกเบี้ยในตลาดโลกจะทรงตัวในระดับสูงยาวนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ของหลายประเทศเร่งปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่ในช่วงการซื้อ-ขายภาคบ่าย SET Index มีแรงเทขายออกมากดดันให้ตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะแรงขายในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีความเชื่อมโยงกับ Bond Yield รวมถึงมีแรงเทขายออกมาในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่จากช่วงต้นปี 2566 ถึงปัจจุบัน (YTD) ยังสามารถให้ผลตอบแทนการลงทุนที่เป็นบวกด้วย
อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติยังขายออกมาเพื่อลดความเสี่ยงจากความกังวลกรณีของแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาดำเนินนโยบาย Digital Wallet ซึ่งอาจจะสร้างภาระการเงินการคลังให้เพิ่มสูงขึ้น
“ก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารไว้ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา รวมถึงเป็นช่วงที่ชาวต่างชาติมีการปรับพอร์ต ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารกลับมา Underperform รวมถึงน้ำหนักความกังวลที่มีค่อนข้างมากของแหล่งที่มาของแหล่งเงินที่จะใช้ทำ Digital Wallet ส่วน Downside จากนี้มองว่าดัชนีหุ้นไทยจะปรับลดลงไม่หลุดต่ำกว่าที่ระดับโลว์เดิมที่ 1,485 จุด หรือ 1,480 จุด ยังเป็นจุดซัพพอร์ตที่ค่อนข้างแน่นซึ่งหากดัชนีย่อลงมาน่าจะมีแรงรับซื้อ”
อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลสามารถสรุปความชัดเจนของแหล่งเงิน Digital Wallet ออกมาได้ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนออกมาในเดือนตุลาคมปีนี้ จะเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติคลายความกังวลและกลับมามีความมั่นใจในตลาดหุ้นไทย เพราะจะเห็นว่าไม่มีผลกระทบกับภาคการคลังและเป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า ขณะที่ล่าสุดตัวเลขส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคมปีนี้กลับมาขยายตัว 2.6% พลิกบวกครั้งแรกในรอบ 11 เดือน เป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ส่งออกมากลับมาขยายตัว และสามารถกลับมาเกินดุลการค้า
